Properties

ผลประกอบการ ‘บิ๊ก 4 อสังหาฯ’ ไตรมาส 3 ฝืด!

ผ่านพ้นไตรมาส 3/2561 ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง ผู้ประกอบการอสังหาฯ แข่งเปิดโครงการรายวัน แต่ถึงกระนั้นผลประกอบการของบริษัทส่วนใหญ่ก็ยังไม่ดีนัก เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560

“Thebangkokinsight” เปิดข้อมูลรายงานผลประกอบการอสังหาฯ ที่ส่งถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ของ 4 บริษัทใหญ่ ที่มียอดขายเกินหมื่นล้านต่อปี พบว่ามีเพียง บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง ที่มีผลประกอบการไตรมาส 3/2561 เพิ่มขึ้นทั้งกำไร และยอดขาย

ในขณะที่อีก 3 บริษัทใหญ่ บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์, บมจ.ศุภาลัย, และบมจ.แสนสิริ ผลประกอบการไตรมาส 3/2561 รับภาวะรายได้และกำไรลดลงแตกต่างกันไป ตามสภาพตลาดและการขายของแต่ละบริษัท

อสังหาฯ2
ผลประกอบการ 4 บริษัทอสังหาฯ

พฤกษาฯกำไรเพิ่ม 23% ยอดขายเพิ่ม 24%

นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินกลุ่มบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) นำเสนอรายงานผลการดำเนินงานไตร 3/2561 ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า บริษัทมียอดขายจากธุรกิจอสังหาฯ 14,820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,903 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 ส่วนยอดขายช่วง 9 เดือนของปี 2561 เท่ากับ 39,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,129 ล้านบาท หรือ 3.0% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนของปี 2560

โดยในช่วง 9 เดือนของปี 2561 มีการเปิดโครงการใหม่ 40 โครงการ มูลค่ารวม 38,430 ล้านบาท เมื่อเทียบกับโครงการเปิดใหม่ในเวลาเดียวกันของปี 2560 จํานวน 47 โครงการ มูลค่ารวม 50,185 ล้านบาท โดยยังเน้นเปิดโครงการทาวน์เฮ้าส์ 25 โครงการ มูลค่ารวม 16,340 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 8 โครงการ มูลค่ารวม 8,875 ล้านบาท

PS1
ยอดขายบมจ.พฤกษ ไตรมาส 3/2561/2560

ส่วนโครงการอาคารชุดมี 7 โครงการ มูลค่ารวม 13,216 ล้านบาท ได้แก่ โครงการเดอะทรี ลาดพร้าว 15, โครงการ เดอะรีเซิร์ฟ สาทร, โครงการเดอะทรี ดินแดง-ราชปรารภ, โครงการเเชปเตอร์วัน โฟลว์ บางโพ, โครงการพลัมคอนโด สะพานใหม่, โครงการพลัมคอนโด รังสิต อไลฟ์, และ โครงการไพรเวซี่ จตุจักร

บริษัทมียอดขายในช่วง 9 เดือนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน มาจากกลุ่มทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว มูลค่า 1,132 ล้านบาท และ 984 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.8% และ 16.2% ตามลําดับ

สำหรับรายได้ไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้ทั้งหมดมาจากกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ประกอบด้วยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 11,198 ล้านบาท และรายได้อื่น 31 ล้านบาท รวมรายได้เท่ากับ 11,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,134 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น หรือเพิ่มขึ้น 11.2% จากรายได้รวมในไตรมาส 3/2560 ที่มียอด 10,095 ล้านบาท

สําหรับรอบ 9 เดือนของปี 2561 บริษัทมีรายได้ทั้งหมดมาจากกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ประกอบด้วยรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 30,480 ล้านบาท และรายได้อื่น 96 ล้านบาท รวมรายได้เท่ากับ 30,576 ล้านบาท

PS2
ยอดขายบมจ.พฤกษ งวด 9 เดือน ปี 2561/2560

ผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2561 ในภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ มีรายได้ 30,480 ล้านบาท ลดลง 133 ล้านบาท หรือลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับรอบระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากทาวน์เฮ้าส์ 15,742 ล้านบาท ลดลง 499 ล้านบาท หรือลดลง 3.1% รายได้จากบ้านเดี่ยว 6,183 ล้านบาท ลดลง 313 ล้านบาท หรือลดลง 4.8%

สําหรับรายได้จากคอนโด 8,555 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 693 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.8% และรายได้สําหรับโครงการต่างประเทศลดลง เนื่องจาการโอนครบ 100% ในปี 2560 และบริษัทยังไม่มีแผนเปิดโครงการในต่างประเทศเพิ่ม

พฤกษามีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 เท่ากับ 1,591 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14.2% ของรายได้รวม ส่วนกําไรในระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 1,291 ล้านบาท คิดเป็น 12.8% ของรายได้รวม โดยบริษัทมีกําไรเพิ่มขึ้น 300 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.3% มาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 1,139 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11.3%

สำหรับงวด 9 เดือนปี 2561 บริษัทมีกําไรสุทธิ 4,017 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13.1% ของรายได้รวม ส่วนกําไรในระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน 3,716 ล้านบาท คิดเป็น 12.1% ของรายได้รวม โดยบริษัทมีกําไรสุทธิเพิ่มขึ้น 301 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.1% มาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง 3.6% การบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น

แลนด์ฯกำไรลด 25% ยอดขายหด 22%

นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) นำเสนอรายงานผลประกอบการ ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า ผลประกอบการบริษัทและบริษัทย่อยในช่วงไตรมาส 3/2591 มีกำไรสุทธิ 2,313.88 ล้านบาท ลดลง 811.49 ล้านบาท หรือลดลง 25.96% จากกำไรสุดธิงวดไตรมาส 3/2560 ที่มียอด 3,125.37 ล้านบาท

ส่วนยอดขาย ไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้จากการขาย 7,095.01 ล้านบาท ลดลง 2,095.10 ล้านบาท หรือลดลง 22.80% จากรายได้การขายไตรมาส 3/2560 ที่มียอด 9,190.11 ล้านบาท และมีกำไรขั้นต้น 35.27% ลดลง 0.20% จากกำไรขั้นต้นไตรมาส 3/2560 ที่ทำได้ 35.47% จากยอดขาย โดยกำไรขั้นต้นลดลง 757.62 ล้านบาท

LH1
สัดส่วนรายได้จากการขาย แลนด์แอนด์เฮ้าส์ รายสินค้า

สัดส่วนยอดขายไตรมาส 3/2561 มาจากบ้านเดี่ยว 73% ทาวน์เฮ้าส์ 11% คอนโดมิเนียม 16% จะเห็นว่าสัดส่วนรายได้จากคอนโดลดลง แต่สัดส่วนทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 ที่มีสัดส่วนยอดขายบ้านเดี่ยว 55% ทาวน์เฮ้าส์ 8% และคอนโด 37%

นอกจากนี้ บริษัทมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น โดยไตรมาส 3/2561 ได้ส่วนแบ่งกำไรจาก บมจ.แอลเอช ไฟแนซ์เชียล กรุ๊ป 170.45 ล้านบาท บมจ.ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ (2.05) ล้านบาท บมจ.โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ 412.92 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาฯและสิทธิเรียกร้อง 2 จำนวน 18.63 ล้านบาท บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ 330.14 ล้านบาท ยอดรวม 930.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วม ณ ไตรมาส 3/2560 ซึ่งมียอด 830.65 ล้านบาท

ส่วนผลดำเนินงานงวด 9 เดือนบริษัทมีสัดส่วนรายได้ 9 เดือนปี 2561 มาจากบ้านเดี่ยว 67% ทาวน์เฮ้าส์ 10% และคอนโด 23% เมื่อเทียบกับปีก่อนพบว่าสัดส่วนรายได้จากบ้านเดี่ยวและทาวนเฮ่้าส์เพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนรายได้คอนโดลดลง โดยสัดส่วนรายได้ 9 เดือนปี 2560 มาจากบ้านเดี่ยว 59% ทาวน์เฮ้าส์ 7% และคอนโด 34%

LH2
สัดส่วนรายได้แลนดแอนด์เฮ้าส์ งวด 9 เดือน 2561/2560

ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมงวด 9 เดือนปี 2561 เพิ่มขึ้นทุกบริษัท โดยได้ส่วนแบ่งกำไรจาก บมจ.แอลเอช ไฟแนซ์เชียล กรุ๊ป 515.59 ล้านบาท บมจ.ควอลิตี้คอนสตรัคชั่น โปรดัคส์ 1.68 ล้านบาท บมจ.โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ 1,187.17 ล้านบาท กองทุนรวมอสังหาฯและสิทธิเรียกร้อง 2 จำนวน 49.7 ล้านบาท และบมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ 753.03 ล้านบาท ยอดรวม 2,506.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวด 9 เดือนแรกปี 2560 ที่มียอดส่วนแบ่งกำไรรวม 2,274.66 ล้านบาท

สำหรับงบกำไรขาดทุนงวด 9 เดือนปี 2561 สิ้นสุด 30 กันยายน 2561 บริษัทและบริษัย่อยมีกำไรสุทธิ 8,204.18 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 8,507.96 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลงจำนวน 303.78 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 3.57% เกิดขึ้นจาก 3 สาเหตุหลัก ประกอบด้วย

  • ใน 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 22,749.79 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้จากการขาย 24,760.96 ล้านบาท ลดลง 2,011.17 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 8.12%
  • ใน 9 เดือนแรกของ ปี 2561 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย 36.49% ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขาย 35.65% อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.84% ผลจากข้อ 1. และ 2. ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ลดลง 525.60 ล้านบาท
  • ใน 9 เดือนแรกของปี 2561 บริษัทมีการขายอสังหาฯเพื่อการลงทุนในสหรัฐอเมริกา ราคาขาย 4,544.13 ล้านบาท มีกำไรจากการขายก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 1,332.50 ล้านบาท ในขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทรับรู้กำไรจากการขายโรงแรม แกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ ราชดำริ ของบริษัทย่อย ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 60% โดยมีกำไรก่อนก่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 2,080.10 ล้านบาท คิดเป็นส่วนของบริษัท 1,248.06 ล้านบาท

ศุภาลัย‘รายได้ลด 27% กำไรหด 41%

นางวารุณี ลภิธนานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) นำเสนอรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้แจงผลประกอบการบริษัทไตรมาส 3/2561 มีรายได้รวม 5,984.60 ล้านบาท ลดลง 27% จากรายได้รวมไตรมาส 3/2560 ซึ่งมียอด 8,187.32 ล้านบาท มีกำไรสุทธิไตรมาส 3/2561 ที่ 1,239.42 ล้านบาท ลดลง 41% จากกำไรสุทธิไตรมาส 3/2560 ที่มียอดกำไรสุทธิ 2,094.32 ล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ 5,849.36 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,697.15 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 22% แบ่งเป็นรายได้จากการโอนบ้านและทาวน์เฮ้าส์ 62% ที่เหลือ 38% เป็นรายได้จากการโอนคอนโด สาเหตหลักที่รายได้จากการโอนลดลง เนื่องจากโครงการคอนโดสร้างเสร็จใหมเริ่มโอนช่วงปลายเดือนกันยายน 2561

ส่วนผลประกอบการ 9 เดือนปี 2561 บริษัทมีรายได้รวม 17,142.92 ล้านบาท ลดลง 5% จากรายได้ 9 เดือนปี 2560 ที่มียอด 18,  070.01 ล้านบาท มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือน 2561 อยู่ที่ 3,331.60 ล้านบาท ลดลง 19% จากกำไรสุทธิงวด 9 เดือปี 2560 ที่มียอด 4,109.18 ล้านบาท ทําให้ผลประกอบการสําหรับงวด 9 เดือนของปีนี้ บริษัทมีกำไรสทุธิ 3,331.60 ล้านบาท ลดลง 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 4,109.18 ล้านบาท โดยลดลง 777.58 ล้านบาท

ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2561 ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้า โดยสามารถทำยอดขาย 28,668 ล้านบาท เติบโตขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายโครงการคอนโด 54% และโครงการแนวราบ 46% ซึ่งคิดเป็น 86% จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 33,000 ล้านบาท และสามารถทำรายได้รวม 17,143 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากการทยอยส่งมอบคอนโดทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยรายได้จากอสังหาฯแบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 58% และจากโครงการคอนโด 42%

สำหรับแผนงานในช่วง 3 เดือนสุดท้าย บริษัทกำหนดเปิดตัวโครงการใหม่ แนวบราบในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองภูมิภาค จำนวน 10 โครงการ ซึ่งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เปิดไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ได้แก่ ศุภาลัย ริเวอร์ วิลล์ ระยอง, ศุภาลัย เอสเซ้นส์ สวนหลวง, ศุภาลัย พรีโม่ กาญจนาภิเษก-ชัยพฤกษ์, และศุภาลัย วิลล์ ศรีราชา-สวนเสือ

นอกจากนี้ในวันที่ 24-25 พฤศจิกายนนี้ จะเปิดตัวโครงการใหม่พร้อมกัน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท ได้แก่ ศุภาลัย เบลล่า ถลาง ภูเก็ต, ศุภาลัย พรีโม่ พัทยา, และศุภาลัย พาร์ควิลล์ แม่กรณ์-เชียงราย โดยคาดว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า ในหัวเมืองภูมิภาคทั้ง 3 จังหวัดดังกล่าวเป็นอย่างดี

นายวันจักร์ บูรณศิริ
นายวันจักร์ บูรณศิริ

‘แสนสิริ’รายได้ลด 9% กำไรหด 49% 

นายวันจักร์ บูรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) นำเสนอรายงานผลประกอบการบริษัท ไตรมาส 3/2651 ต่อตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ในไตรมาส 3/2561 แสนสิริมีรายรับรวมทั้งสิ้น 6,882 ล้านบาท ลดลง 6% จากจํานวน 7,345 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2560 เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากการขายโครงการ ซึ่งเป็นรายได้หลักของแสนสิริที่ลดลง 9% ส่งผลให้รายรับรวมงวด 9 เดือนของปี 2561 มียอด  17,744 ล้านบาท หรือลดลง 23% เมื่อเทียบกับรายรับรวม 23,129 ล้านบาท สําหรับงวด 9 เดือนของปี 2560

โดยรายได้จากโครงการเพื่อขายในไตรมาส 3/2561 ลดลง 9% เมื่อเปรียบเทียบก้บรายได้จากโครงการเพื่อขายในไตรมาส 3/2560 เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยว อย่างไรก็ดี รายได้จากการขายโครงการคอนโดที่ลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ปี 2561 ยังส่งผลต่อเนื่องสําหรับงวด 9 เดือนของปี 2561 โดยรายได้จากโครงการเพื่อขายลดลง 28% เมื่อเปรียบเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2560

ในไตรมาส 3/2561 แสนสิริและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยว 50.0% จํานวน 2,706 ล้านบาท รายได้จากการขายโครงการคอนโด 39.7% จํานวน 2,146 ล้านบาท รายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์ 10.0% จํานวน 539 ล้านบาท และรายได้จากการขายโครงการมิกซ์ 0.4% จํานวน 22 ล้านบาท

สําหรับรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยวในไตรมาส 3/2561 มีจํานวน 2,706 ล้านบาท ปรับลดลงจากจํานวน 3,191 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3/2560  สําหรับรายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์ ปรับเพิ่มขึ้นจาก 508 ล้านบาทในไตรมาส 3/2560 มาอยู่ที่ 539 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3/2561 ส่วนรายได้จากการขายโครงการคอนโดปรับลดลง 4% จากจํานวน 2,236 ล้านบาทในไตรมาส 3/2560 มาอยู่ที่ 2,146 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3/2561

Siri1
รายได้ของแสนสิริ ไตรมาส 3/2561/2560

ส่วนกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3/2561 แสนสิริและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 363 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับกำไรสุทธุิ 706 ล้านบาทในไตรมาส 3/2560 หรือลดลง 49% โดยในไตรมาสที่ 3/2561 มีอัตรากำไรสุทธิ 5.3% ของรายได้รวม ปรับลดลงจากอัตรากำไรสุทธิ 9.6% ในไตรมาส 3/2560 สงผลให้กําไรสุทธิงวด 9 เดือนของปี 2561 แสนสิริและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,003 ล้านบาท ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 2,046 ล้านบาทในงวด 9 เดือนปี 2560

โดยในงวด 9 เดือนของปี 2561 มีอัตรากำไรสุทธิ 5.6% ของรายได้รวม ปรับลดลงจากอัตรากำไรสุทธิ 8.8% ในงวด 9 เดือนของปี 2560 ปัจจัยหลักมาจากรายได้การขายโครงการลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้น

 

Avatar photo