Business

ซีพีเอ็นปั้นคอมมูนิตี้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่แตกธุรกิจ‘โคเวิร์กกิ้งสเปซ’

เทรนด์ธุรกิจ “แชริ่ง อีโคโนมี” โดยเฉพาะ “โคเวิร์กกิ้ง สเปซ” กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลกและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องใน 10 ปีข้างหน้า จากการขยายตัวของกลุ่มเอสเอ็มอีก สตาร์ทอัพ และวัยทำงานเจน มิลเลนเนียล ที่ต้องการพื้นที่ทำงานตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์  นับเป็นปัจจัยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่ ศูนย์กลางของธุรกิจโคเวิร์กกิ้งแห่งใหม่ในอาเซียน

ซีพีเอ็น โคเวิร์กกิ้ง สเปซ

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าภายใต้วิสัยทัศน์การสร้าง Center of Life หรือ ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ จึงขยายธุรกิจใหม่ “โคเวิร์กกิ้ง สเปซ”  โดยร่วมทุนกับ “คอมมอน กราวด์ กรุ๊ป” โคเวิร์กกิ้ง สเปซ สัญชาติมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุดในอาเซียนนับจากเปิดตัวในช่วง 2 ปีก่อน  เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “คอมมอน กราวด์ ประเทศไทย”  โดย ซีพีเอ็น ถือหุ้น 51%  คอมมอนด์ กราวด์  29% และ MSB Asia Ltd. ประเทศมาเลเซีย 20% มีทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท

ทั้งนี้ วางเป้าหมายขยายสาขาโคเวิร์กกิ้ง สเปซ ภายใน 5 ปี  20 สาขา พื้นที่รวม 50,000 ตร.ม. หรือคิดเป็นพื้นที่ 1 ศูนย์การค้า  ใช้งบลงทุน 800 ล้านบาท โดยจะอยู่ในพื้นที่ค้าปลีกและอาคารสำนักงานซีพีเอ็น ในกรุงเทพฯ 50% และต่างจังหวัด 50%  สาขาแรกจะเปิดให้บริการไตรมาสแรกปี 2562 ทำเลใจกลางซีบีดี  รูปแบบแฟลกชิพสโตร์ พื้นที่ 4,500 ตร.ม. ลงทุน 80 ล้านบาท โดยสาขาทั่วไปพื้นที่เฉลี่ย 2,000 ตร.ม. ลงทุน 40 ล้านบาท

ซีพีเอ็น โคเวิร์กกิ้ง สเปซ CPNxCommon Ground

ปั้นคอมมูนิตี้เพิ่มจับจ่ายในศูนย์ฯ   

โมเดลการทำธุรกิจโคเวิร์กกิ้งสเปซ ของ ซีพีเอ็น จะแตกต่างจากโคเวิร์กกิ้งสเปซทั่วไป ด้วยรูปแบบการสร้าง “คอมมูนิตี้” เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี ฟรีแลนซ์ สตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นเทรนด์ธุรกิจเติบโตสูง  รวมทั้งตอบโจทย์บริษัททั่วไป ที่เข้าจะมาใช้พื้นที่ เพื่อตอบสนองคนทำงานรุ่นใหม่เจนเนอเรชั่น “มิลเลนเนียล” ที่ครองส่วนแบ่ง 50% ของวัยทำงานในอีก 1-2 ปีข้างหน้า

“จุดแข็งความเป็นศูนย์การค้าอันดับหนึ่งของประเทศ ที่สามารถต่อยอดธุรกิจด้วยเน็ตเวิร์กและมาร์เก็ตเพลสของซีพีเอ็นและกลุ่มเซ็นทรัล ในธุรกิจโคเวิร์กกิ้ง สเปซ เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นฮับเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพของภูมิภาคอาเซียน”

ซีพีเอ็น โคเวิร์กกิ้ง สเปซ CPNxCommon Ground

การสร้างพื้นที่โคเวิร์กกิ้งสเปซ ในศูนย์การค้าซีพีเอ็น เป็นรูปแบบการคอมมูนิตี้คนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ และเป็นอีกกลุ่มลูกค้าที่จะสร้างทราฟฟิกการใช้บริการในศูนย์การค้าช่วงวันธรรมดา ถือเป็นอีกธุรกิจใหม่ของซีพีเอ็น และเป็นอีก “จิ๊กซอว์” การพัฒนาโปรเจคมิกซ์ยูสของซีพีเอ็น

ทั้งนี้ วางเป้าหมายรายได้ธุรกิจโคเวิร์กกิ้งสเปซ ในปี 2020 หรือ ปี 2563  จะมีรายได้จากการใช้บริการปีละ 500 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการ ซีพีเอ็น ครึ่งปีแรก มีรายได้ 17,628 ล้านบาท  เติบโต 14.9%  กำไรสุทธิ 5,758 ล้านบาท เติบโต 9.4%   ไตรมาส 2  รายได้รวม 9,405 ล้านบาท  เติบโต 23.4%  กำไรสุทธิ 2,935 ล้านบาท  เติบโต 18.2%  โดยจะประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ในวันที่  23 พฤศจิกายนนี้

ซีพีเอ็น โคเวิร์กกิ้ง สเปซ CPNxCommon Ground

“เมกะเทรนด์-เอสเอ็มอี”ดันตลาดโต

นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยอาวุโส ฝ่ายขาย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบัน มีกลุ่มบริษัทโคเวิร์กกิ้งสเปซ ระดับนานาชาติจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยหลายราย มาจาก 2 ปัจจัยหลัก  คือ 1.เมกะเทรนด์ ไลฟ์สไตล์การทำงานของผู้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไปตามเทคโนโลยี และความยืดหยุ่นรูปแบบการทำงาน  โดยต้องการพื้นที่ทำงานที่มีความเป็น Collaborative Workspace รวมถึงการลดต้นทุนทางธุรกิจทำให้รูปแบบการทำงานของผู้ประกอบการ และบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยคาดว่าตลาดโคเวิร์กกิ้งสเปซในเอเชีย จะเพิ่มเป็น 30% ในปี 2030 จากปัจจุบันมีสัดส่วนราว  2%

2.เอสเอ็มอีในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตสูง 8-10% ต่อปี มากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยกว่า 1 ใน 6  มีธุรกิจอยู่ในกรุงเทพฯ หรือคิดเป็นกว่า 500,000 ราย โดยเอสเอ็มอีเหล่านี้ มองหาสถานที่ทำงานในทำเลที่ดี หรือ prime location แต่การเข้าถึงออฟฟิศให้เช่าเกรด A ในกรุงเทพฯ เป็นไปได้ยากและมีราคาสูง เช่นเดียวกับบริษัทใหญ่ๆ ที่ต้องการลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ทำให้โคเวิร์กกิ้ง จึงมีแนวโน้มเติบโตเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในเข้าถึงสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่

ซีพีเอ็น โคเวิร์กกิ้ง สเปซ

สมาชิก Hot desk 4 พันบาท/เดือน

นายเออร์แมน อะคินซี หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง คอมมอน กราวด์ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ     คอมมอน กราวด์  กรุ๊ป กล่าวว่าการขยายธุรกิจ “คอมมอน กราวด์” ในประเทศไทยถือเป็นการเปิดตัวในต่างประเทศเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคนี้ โดยสาขาแรกที่จะเปิดในต้นปีหน้า จะเป็นรีจินัล แฟลกชิพแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยขนาดพื้นที่ถึง 4,500 ตร.ม. ซึ่งจะตั้งอยู่ในย่านซีบีดี กรุงเทพฯ

โคเวิร์กกิ้งสเปซรูปแบบใหม่นี้จะทำให้ผู้ประกอบการหรือบริษัทใหญ่ต่างๆ สามารถลดต้นทุนพื้นที่สำนักงาน เนื่องจากไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างออฟฟิศแบบถาวร ที่ตั้งอยู่ใน Prime location ทำให้ติดต่องานและหมุนเวียนเปลี่ยนโลเคชั่นได้สะดวก

ซีพีเอ็น โคเวิร์กกิ้ง สเปซ CPNxCommon Ground

อีกทั้ง คอมมอน กราวด์ มีความแตกต่างจากโคเวิร์กกิ้งสเปซอื่นๆ ด้วยจุดเด่นการเชื่อมโยงพื้นที่ทำงานกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ด้วยโลเคชั่นที่ใกล้กับศูนย์การค้า  นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์จากพันธมิตรทางธุรกิจและแบรนด์ต่างๆ ทั้งแฟชั่นไลฟ์สไตล์ ร้านอาหาร ธนาคาร ฟิตเนส ที่จอดรถ รวมทั้งการจัดกิจกรรมอีเวนท์และไลฟ์สไตล์เวิร์กช็อป

“โมเดลธุรกิจของคอมมอน กราวด์ แตกต่างจากโคเวิร์กกิ้งสเปซรายอื่น จากการมีพันธมิตรต่อยอดธุรกิจ (deep partnerships) ด้วยการได้ทดลองทำตลาด ทำจริง ขายจริง ในศูนย์การค้าของซีพีเอ็น และธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่มเซ็นทรัล ผู้ประกอบการสามารถใช้บริการได้ในทุกสาขาทั่วโลกและเพิ่มคอนเนคชั่นทางธุรกิจจากหลากหลายพันธมิตร”

คอมมอน กราวด์ในประเทศไทย จับกลุ่มเป้าหมายคนทำงานรุ่นใหม่ ได้แก่ เอสเอ็มอี สตาร์ทอัพและฟรีแลนซ์ 80% และกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีความต้องการทำงานในโคเวิร์กกิ้งสเปซ 20%

ซีพีเอ็น โคเวิร์กกิ้ง สเปซ CPNxCommon Ground

การให้บริการสมัครสมาชิก 3 รูปแบบ  คือ 1. Hot desk  1 ที่นั่ง (ไม่กำหนดที่นั่งประจำ) อัตราค่าใช้บริการ 4,000 บาทต่อเดือน 2.Fixed desk  1 ที่นั่ง (กำหนดที่นั่งประจำ)   และ 3.Private office  2-8  ที่นั่ง มีห้องทำงานเฉพาะ อัตราค่าบริการ 4 คน 10,000 บาทต่อเดือน

มองว่าการร่วมทุนกับเซ็นทรัลพัฒนา ที่เป็นผู้นำการพัฒนาศูนย์การค้าของประเทศ และหนึ่งในบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ และสร้างนวัตกรรมทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ทำให้ผู้ประกอบการสามารถต่อยอดธุรกิจด้วยเน็ตเวิร์กและมาร์เก็ตเพลส  พร้อมตอบรับชีวิตคนทำงานและไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ด้วย Holistic Lifestyle Integration ด้วยความแข็งแกร่งและกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายของกลุ่มเซ็นทรัล ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม แบรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์และร้านอาหาร จะเป็นจุดแข็งด้านไลฟ์สไตล์และสาขาครอบคลุมประเทศไทย

ซีพีเอ็น โคเวิร์กกิ้ง สเปซ

ส่อง 6 เทรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซปี 62

นายจุน เตียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมมอน กราวด์ กรุ๊ป จำกัด ประเทศมาเลเซีย และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าวว่าแผนการลงทุนของคอมมอน กราวด์ กรุ๊ป ในระดับภูมิภาค ในอีก 5 ปีข้างหน้าตั้งเป้าจะเติบโตกว่า 3 เท่า”ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือมีสาขากว่า 50 แห่ง  โดยประเทศไทย จะมีสาขาทั่วประเทศกว่า 20 สาขา มากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ  โดยกว่า 10 สาขาจะตั้งอยู่บน Prime Location กรุงเทพฯ ที่อยู่ในอาคารสำนักงานที่เชื่อมต่อกับศูนย์การค้าของซีพีเอ็น หรืออาคารสำนักงานให้เช่าอื่นๆ รวมถึงสาขาในหัวเมืองสำคัญ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต และ พัทยา เป็นต้น ทำให้ผู้ประกอบการสมาชิกคอมมอน กราวด์ สามารถใช้บริการในโลเคชั่นได้ทั้งในและต่างประเทศ

คอมมอน กราวด์ ก่อตั้งขึ้นในเดือนมีนาคมปี 2560 มีสมาชิกกว่า 1,400 คนใน 5 สาขาซึ่งอยู่ใน กัวลาลัมเปอร์ และเมืองใกล้เคียง โดยมีแผนที่จะเปิดให้ครบ 15 สาขาทั่วมาเลเซียภายในปี  2561 และล่าสุดได้ขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาคประเทศไทยและฟิลิปปินส์ เตรียมขยายเพิ่มในอินโดนีเซีย เวียดนาม และออสเตรเลีย

ซีพีเอ็น 6 เทรนด์โคเวิร์กกิ้ง สเปซ ปี 2562

มองว่า 6 เทรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซ ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลกในปี 2019  ทั้งด้านนักลงทุนและผู้ใช้บริการ ได้แก่

1.เทรนด์การเข้ามาลงทุนทำ โคเวิร์กกิ้ง สเปซ จะเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความครบวงจรให้กับโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูสของกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์

2.เทรนด์โลคัลแอคโกลบอล หรือ การผสมผสานอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของผู้ประกอบการในท้องถิ่นเข้ากับความเชี่ยวชาญการจัดการในระดับนานาชาติจากโกลบอลแบรนด์

3.กระแส Work-Life Balance ในคนยุคใหม่

4.เทรนด์การชอบใช้พื้นที่การทำงานที่สามารถปรับเปลี่ยนได้และช่วยจุดประกายต่อยอดโอกาสธุรกิจ (Flexible & Hyper Competitive Space)

5.เทรนด์ความต้องการเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กด้วยเทคโนโลยีและระบบบล็อคเชนในพื้นที่การทำงาน

6.เทรนด์ที่กลุ่มบริษัทใหญ่ๆ (Corporate) เริ่มมองหาพื้นที่การทำงานในรูปแบบใหม่เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ให้กับองค์กร รวมถึงเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านต่างๆ

Avatar photo