Properties

‘แสนสิริ’ โชว์ยอดขาย 10 เดือนกว่า 4.3 หมื่นล้าน

แสนสิริ เผยยอดขายรวม 10 เดือน 43,600 ล้านบาท เติบโต 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโตทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโด ขณะเดียวกันมียอดขายต่างชาติ 12,600 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาส 3 ลูกค้าแห่โอนดันรายได้รวม 6,882 ล้านบาท เติบโต 23%  

วันจักร์ บุรณศิริ2
นายวันจักร์ บุรณศิริ

นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าปี 2561 นับเป็นปีที่ลูกค้าให้การตอบรับดี และเป็นปีที่บริษัทสามารถทำยอดขายได้สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทสามารถสร้างยอดขายรวม 43,600 ล้านบาทเกือบ 90% จากเป้ายอดขายใหม่ 50,000 ล้านบาท

โดยบริษัทประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการ ที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ทั้งทาวน์เฮาส์ จากการรุกแบรนด์ สิริ เพลส ทั้ง 7 ทำเลรอบกรุงเทพฯ บ้านเดี่ยวเซกเมนต์ระดับกลาง-ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ได้การตอบรับที่ดี เช่น โครงการบุราสิริ พัฒนาการ, โครงการเศรษฐสิริ พหล – วัชรพล, เศรษฐสิริ บางนา และเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา

รวมถึง บ้านแสนสิริ พัฒนาการ ซึ่งเป็นโครงการแฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ มียอดขายแล้ว 70% มูลค่ารวมกว่า 2,850 ล้านบาท นับเป็นการตอบรับที่รวดเร็ว ในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับราคา 65 – 240 ล้านบาท

ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ก็ได้การตอบรับที่ดีเช่นกัน ทั้งคอนโดแบรนด์ใหม่ XT แบรนด์เดอะ เบส และแบรนด์ ดีคอนโด ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ โครงการเดอะ เบส เซ็นทรัล – ภูเก็ต และดีคอนโด แคมปัส โดม-รังสิต ที่กระแสตอบรับดีมาก สามารถปิดการขายทันทีในวันแรกที่เปิดพรีเซล

ครองส่วนแบ่งตลาดต่างชาติมากที่สุด

รวมถึงดีคอนโด หาดใหญ่ มียอดขายแล้วกว่า 80% และบริษัทยังประสบความสำเร็จจากการสร้างยอดขายในตลาดต่างชาติได้ 12,600 ล้านบาท คิดเป็น 97% จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่ตั้งไว้ในปีนี้ 13,000 ล้านบาท และปัจจุบันแสนสิริยังเป็นบริษัทอสังหาฯไทยที่ครองส่วนแบ่งตลาดต่างชาติสูงที่สุด และเป็นบริษัทเดียวที่เปิดขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกัน (Global Launch)

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2561 บริษัทมีรายได้รวม 6,882 ล้านบาท เติบโตขึ้น 23% จากไตรมาสก่อน โดยรายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากการโอนโครงการแนวราบ และโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 60 : 40

โดยเริ่มโอนโครงการ ดีคอนโด พิงค์ เชียงใหม่ เริ่มรับรู้การโอนในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสอีก 1,120 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท

“ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นับเป็นไตรมาสสำคัญของธุรกิจอสังหาฯ คาดว่าลูกค้าจะเร่งตัดสินใจซื้อและโอนที่อยู่อาศัย ก่อนมาตรเงินดาวน์ใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2562” นายวันจักร์ กล่าว และว่า  บริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในตลาดต่างจังหวัดที่ เชียงใหม่ และหัวหิน อีก 2 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท

 

 

 

 

Avatar photo