จีนเดินหน้ากระชับสัมพันธ์เชิงพาณิชย์กับประเทศตามลุ่มน้ำโขง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ผ่านการจัดตั้งเขตการค้าเสรีบริเวณชายแดนไทย-ลาว ในช่วงเวลาที่ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐเพิ่มความรุนแรงขึ้น
ในพื้นที่เขตการค้าเสรีดังกล่าว จีนจะยกเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้า และภาษีมูลค่าเพิ่ม ต่อสินค้านำเข้าจากประเทศที่ไม่ได้มีชายแดนติดต่อกับจีน
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จีนเสนอที่จะให้สิทธิพิเศษผ่านการค้าชายแดน เพื่อกระชับสัมพันธ์กับประเทศลุ่มน้ำโขงมากขึ้น ก่อนจะไปถึงทั่วทั้งอาเซียนในที่สุด” ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ จาก China Intelligence Center มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้คำมั่นถึงการนำเข้าสินค้า และบริการมูลค่า 40 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 15 ปีข้างหน้า ซึ่งรวมถึงสินค้าจากชาติลุ่มน้ำโขง
แม้นักวิเคราะห์จะมองว่า ท่าทีดังกล่าวของผู้นำจีน เป็นเหมือนความพยายามรับมือกับเสียงวิจารณ์จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐในเรื่องนโยบายการค้าของรัฐบาลปักกิ่ง แต่ดูเหมือนว่า การเดินหน้าผูกสัมพันธ์ในลุ่มแม่น้ำโขงของจีน จะเป็นหนทางที่จะจำกัดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
ในปีนี้ จีนทุ่มเงินเข้าสู่กรอบความร่วมมือล้านช้าง-ลุ่มแม่น้ำโขง ไปแล้ว 1.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งความร่วมมือนี้มาพร้อมกับแนวคิดเกี่ยวกับการขยายเขตการค้าเสรีชายแดนจีน-ลาว มายังชายแดนไทย-ลาว
ก่อนหน้านี้ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย ระบุว่า ไทยจะเป็นแกนนำในการหารือกับจีน และลาว เพื่อหาข้อสรุปในกรอบการดำเนินงานสำหรับเขตการค้าดังกล่าว ที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เขตการค้าเสรีจะครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่เมืองโมฮัน ชายแดนทางตอนใต้ของจีน มายังอำเภอเชียงของทางตอนเหนือของไทย
ที่ผ่านมา จีนได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับรัฐบาลลาว เพื่อศึกษาโครงการที่จะร่นระยะเวลาเดินทางบนทางหลวงสายอาร์3เอ ซึ่งเชื่อมเมืองคุนหมิง ทางตอนใต้ของจีน เข้ากับเมืองห้วยไซในลาว และเชียงของ ที่รวมถึง การสร้างทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ – หนองคาย ของไทย ที่วางแผนจะให้ขยายไปเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์-จีน
นอกจากนี้ จีนยังมีเป้าหมายที่จะใช้โครงการข้างต้นฉกฉวยประโยชน์จากความต้องการอีคอมเมิร์ซข้ามแดนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยรัฐบาลปักกิ่งได้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในเรื่องนี้ และโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ขึ้นมา พร้อมบริการครบวงจรในเมืองโมฮัน และสถานที่อื่นๆ ตามแนวชายแดนทางตอนใต้ของประเทศ
“ไทยยังมีความสนใจในเรื่องการพัฒนาอีคอมเมิร์ซของตัวเองในโมฮันด้วย และอยู่ระหว่างการพัฒนาเชียงใหม่ ให้กลายเป็นศูนย์กลางอีคอมเมิร์ซ ที่มีเป้าหมายอยู่ที่การส่งออกสินค้าไปทางตอนใต้ของจีนมากขึ้น” นางอรมนกล่าว
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ บอกด้วยว่า เขตการค้าเสรีจะเป็นหนทางที่ทำให้ไทย และประเทศต่างๆ ในลุ่มแม่น้ำโขงได้รับประโยชน์จากโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน ด้วยการส่งออกไปยังตลาดยุโรป ผ่านทางชายแดนตะวันตกของจีน ที่ติดกับคาซัคสถาน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ภูมิภาคทางตอนใต้ของจีน มีประชากรอยู่ราว 47.4 ล้านคน มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ 1,400 ล้านหยวน และเศรษฐกิจขยายตัวราว 8% ต่อปี
ที่มา: Nikkei Asian Review