กลับมาอีกครั้งสำหรับ “YouTube Pop-up Space Bangkok” ที่ในปีนี้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ ช่างชุ่ย โครงการสุดฮิปย่านปิ่นเกล้า ระหว่างวันที่ 12 – 17 พฤศจิกายน โดยนางสาวมุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทยเผยเทรนด์การเติบโตว่า ประเทศไทยติด 1 ใน 10 ของประเทศที่รับชมยูทูบมากที่สุดในโลก ขณะที่จำนวนคอนเทนต์ที่อัปโหลดขึ้นบนแพลตฟอร์มก็เติบโตขึ้นมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ส่วนในระดับโลก ปัจจุบัน ยูทูบมีผู้ใช้ล็อกอินเข้ามาทุกเดือน ๆ ละ 1.9 พันล้านคน และในแต่ละวันมีจำนวนคอนเทนต์ที่ถูกรับชมบนยูทูบมากถึงวันละ 1 พันชั่วโมง โดยยูทูบพบว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้คอนเทนต์เติบโตบนยูทูบคือ บรรดาผู้สร้างคอนเทนต์ หรือที่ยูทูบเรียกว่า “ครีเอเตอร์” นั่นเอง
โดยประเทศไทยมีครีเอเตอร์ที่สร้างแชแนลระดับซิลเวอร์ (มีผู้ติดตาม 100,000 คนขึ้นไป) ทั้งสิ้น 1,700 แชแนล มากเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ส่วนแชแนลระดับโกลด์ (มีผู้ติดตาม 1 ล้านคนขึ้นไป) 150 แชแนล และแชแนลระดับไดอะมอนด์ (มีผู้ติดตาม 10 ล้านคนขึ้นไป) ทั้งสิ้น 5 แชแนล มากเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
การเติบโตเหล่านี้จึงทำให้ทางยูทูบหาทางส่งเสริมให้ครีเอเตอร์ได้รับการพัฒนาฝีมือในการผลิตคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้นผ่านการจัด YouTube Spaces ขึ้นทั่วโลก โดยปัจจุบัน มีการสร้าง YouTube Spaces ขึ้นแล้ว 10 แห่ง ได้แก่ โตรอนโต ประเทศแคนาดา, ลอสแองเจลลิส และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา, กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ, กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี, กรุงริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล, กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส, ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, มุมไบ ประเทศอินเดีย และกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และครีเอเตอร์สามารถลงชื่อเข้าใช้งาน YouTube Spaces เหล่านั้นได้
ขณะเดียวกันก็มีการสร้าง YouTube Pop-up Spaces ขึ้นในอีก 55 เมืองทั่วโลก เช่น กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย, กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้, เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย, กรุงโรม ประเทศอิตาลี, กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม, กรุงมาดริด ประเทศสเปน, กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงกรุงเทพฯ ประเทศไทยด้วย
โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา ยูทูบได้เคยจัด Pop-up Spaces ขึ้นที่ประเทศไทยมาแล้ว ก่อนจะข้ามปี 2560 ไปและมาจัดใหม่อีกครั้งในปี 2561 นี้ ซึ่งความแตกต่างของโปรแกรมอบรมที่จะมีในปีนี้ นางสาวมุกพิม อนันตชัยเผยว่า มีทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เช่น การเตรียมกล้องระดับไฮเอนด์ หรือธีมฉากต่าง ๆ เอาไว้ให้ครีเอเตอร์ได้ทดลองใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนด้านซอฟท์แวร์ก็คือ การสอนเทคนิคการถ่ายทำใหม่ ๆ และการได้พบปะกับครีเอเตอร์ชื่อดังระดับโลกที่ทีมงานยูทูบเชิญมาจากต่างประเทศเพื่อให้คำแนะนำแก่ครีเอเตอร์ชาวไทยโดยเฉพาะ รวมไปถึงเทคนิคการทำงานร่วมกับแบรนด์ และการหารายได้จากช่องทางอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าโฆษณา เช่น การจัดอีเวนท์ การหารายได้จากคอนเสิร์ต ฯลฯ ซึ่งยูทูบเผยว่ามีครีเอเตอร์ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม Pop-up Spaces ครั้งนี้แล้วกว่า 500 คน
“เราพบว่าถ้าเป็นครีเอเตอร์มือใหม่จะยังไม่ถนัดคุยภาษาธุรกิจกับแบรนด์ เราก็ต้องคุยกับครีเอเตอร์ให้เห็นภาพว่า เวลาแบรนด์เข้ามา เขามองหาอะไร และเราสามารถเสนออะไรให้แบรนด์ได้บ้าง ควรจะทำ Proposal อย่างไรเพื่อให้เวลาคุยกับแบรนด์แล้วเขารู้สึกว่า เราทำธุรกิจเป็นนะ และจะทำอย่างไรให้ทั้งแบรนด์และครีเอเตอร์ไม่สูญเสียตัวตนของตัวเองไป”
สำหรับครีเอเตอร์ที่จะระบบของยูทูบจะเปิดให้สร้างรายได้จากคอนเทนต์นั้น คุณมุกพิมเผยว่า เกณฑ์คือต้องมีผู้ติดตาม 1,000 คนขึ้นไป และมีชั่วโมงการรับชม 4,000 ชั่วโมงภายใน 12 เดือน รวมถึงต้องผ่านการรีวิวจากทีมที่สหรัฐอเมริกาด้วย
สำหรับโปรแกรม NextUp Thailand ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นใน Pop-up Spaces ครั้งนี้ด้วยนั้น เป็นโปรแกรมสำหรับพัฒนาครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามตั้งแต่ 10,000 – 100,000 คนขึ้นไป ที่ยูทูบมองว่ามีศักยภาพในอนาคต โดยในปีนี้ ครีเอเตอร์ที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมยกตัวอย่างเช่น กาย-ฮารุ แฟมิลี่, แตงโมไดอารี่ เป็นต้น
อีกหนึ่งความพิเศษของ YouTube Pop-up Spaces ครั้งนี้ก็คือการจัด Music Sessions ขึ้นโดยเฉพาะ สำหรับให้ศิลปินได้เข้าใช้งาน โดยมีทีมงานดูแลและช่วยในด้านระบบเสียงเพื่อถ่ายทำคลิปให้อีกด้วย (มีครีเอเตอร์ได้รับคัดเลือกทั้งสิ้น 9 ราย และมีกำหนดเปิดตัววิดีโอในเดือนธันวาคมนี้)
ส่วนโอกาสที่จะเปิดตัว YouTube Spaces ขึ้นที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เป็นแค่ Pop-up Spaces นั้น ทางคุณมุกพิมเผยว่า ทางทีมมีความพยายามอยู่ และหากสามารถเปิดได้จริง จะประกาศให้ทราบอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี ทางยูทูบ ประเทศไทย เผยว่าไม่สามารถเปิดเผยค่าใช้จ่ายในการสร้าง Pop-up Spaces Bangkok ครั้งนี้ได้ ส่วนสาเหตุที่เลือกช่างชุ่ยนั้น เนื่องจากมีเวลาและพื้นที่ว่างลงตัวกับวันที่ทางยูทูบต้องการจัดกิจกรรมนั่นเอง
