กรมควบคุมโรค แจ้งเตือนช่วงฤดูหนาวนี้ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด และพาไปรับวัคซีนป้องกันโรคหัดตามกำหนด หลังพบปี 2561 มีผู้ป่วยโรคหัดกว่า 4 พันรายแล้ว ย้ำอาการหากมีอาการไข้สูง 3-4 วัน มีผื่นนูนแดงขึ้น ที่ใบหน้าแล้วแผ่กระจายไปตามลำตัว แขน ขา ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษา
ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว มีหลายโรคที่มากับอากาศอย่างนี้ กรมควบคุมโรคจึงออกโรงแจ้งเตือนประชาชน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า สภาพอากาศเริ่มหนาวเย็นลง ทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ซึ่งโรคที่ต้องระมัดระวังในช่วงนี้คือ โรคหัด ซึ่งเป็นโรคไข้ออกผื่นที่มักพบได้บ่อยในทุกช่วงวัย
เชื้อไวรัสหัดสามารถติดต่อ และแพร่กระจายได้ง่ายผ่านเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย และละอองอากาศ เชื้อเข้าสู่ร่างกายโดยการไอ จาม และพูดคุย ในระยะใกล้ชิด ผู้ป่วยโรคหัดจะมีเชื้อไวรัสหัดอาศัยอยู่ในลำคอ สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ 1-2 วัน ก่อนเริ่มมีผื่นขึ้น
ยะลา ปัตตานี สงขลา นราธิวาส ป่วยสูงสุด
สำหรับสถานการณ์ของโรคหัด ในปี 2561 จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 7 พฤศจิกายน 2561 มีรายงานผู้ป่วย 4,030 ราย เสียชีวิต 15 ราย
ในกลุ่มผู้เสียชีวิตนั้น จำแนกเป็นผู้ป่วยที่มีผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยัน 8 ราย และผู้ป่วยเข้าข่าย แต่อยู่ระหว่างรอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยัน 7 ราย โดยตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด คือ ยะลา ปัตตานี สงขลา และนราธิวาส ตามลำดับ
ทั้งนี้โรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัส Measles ซึ่งเป็นไวรัสที่พบได้บ่อยในจมูก และลำคอผู้ป่วย อาการที่พบบ่อยของโรคหัด คือ “ไข้ออกผื่น” โดยมักมีอาการไข้สูงประมาณ 3-4 วัน แล้วเริ่มมีผื่นนูนแดงขึ้น โดยผื่นเริ่มขึ้นจากหลังหู แล้วลามไปยังใบหน้าบริเวณชิดขอบผม จากนั้นจะแผ่กระจายไปตามลำตัว แขน ขา
เมื่อผื่นแพร่กระจายทั่วตัว ประมาณ 2-3 วัน ไข้จะค่อยๆ ลดลง และผื่นก็จะค่อย ๆ จางหายไป ผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่นมากอาจจะลอกเป็นขุยหรือเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้นได้ ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ คือ คออักเสบ หลอดลมอักเสบจนถึงปอดบวม หูชั้นกลางอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ ท้องเสีย และสมองอักเสบซึ่งเป็นภาวะที่รุนแรงที่สุด หากป่วยด้วยโรคหัด หรือสงสัยว่าเป็นโรคหัดควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย เก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการและรับการรักษา
เด็กเล็กต้องรับวัคซีนป้องกัน
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า โรคนี้เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน ซึ่งตามแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข จะฉีดวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน เข็มแรกเมื่อเด็กอายุ 9 เดือน และเข็มที่สองเมื่ออายุ 2 ปีครึ่ง
หากพบว่าบุตรหลานยังรับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ ผู้ปกครองสามารถพาไปรับวัคซีนทันที ได้ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐทุกแห่ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรคหัดจะมีอัตราการป่วยตายต่ำในเด็กทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรง และยังสามารถเข้าถึงการรักษาได้รวดเร็ว แต่ยังคงเป็นอันตรายในเด็กเล็ก เด็กที่มีภาวะขาดสารอาหาร หรือเด็กที่มีภาวะทุพโภชนาการ ทั้งนี้หากประชาชนมีข้อสงสัยให้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422