Stock - Finance

ไม่มีเดือนไหนหุ้นแดงทุกปี แต่พ.ค. ต้องระวังที่สุด!!

เข้าสู่เดือนพฤษภาคมของทุกปี ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงวลี “Sell in May and Go Away” หรือ ปรากฏการณ์ที่นักลงทุนพากันขายหุ้นออกไป เพราะเชื่อกันว่าในช่วงเดือนนี้ตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดของปี

สาเหตุมาจากหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น ไตรมาสแรกของปีที่ตลาดสดใสที่สุดได้ผ่านไปแล้ว, บริษัทจดทะเบียนประกาศจ่ายปันผลประจำปีไปแล้ว, เป็นเดือนที่เริ่มทยอยประกาศงบและตัวเลขคาดการณ์ต่างๆ เริ่มชัดเจน จึงเกิดการ sell on fact

เดือน พ.ค ต้องระวังสุด

หลายคนจึงเลือกที่จะขายหุ้นในพอร์ตทำกำไร แล้วหันไปเก็บเงินในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำแทน เช่น ตลาดเงิน ตราสารหนี้ หรือเงินสด เป็นต้น จากนั้นจะรอให้ตลาดปรับฐานลงถึงจุดต่ำสุด กระทั่งเริ่มเห็นสัญญาณตลาดฟื้นตัว ค่อยเริ่มซื้อหุ้นอีกครั้ง

สำหรับใครสงสัยว่าทฤษฎี Sell in May and Go Away เป็นจริงแค่ไหนกับตลาดหุ้นไทย วันนี้ผมจึงได้ลองรวบรวมสถิติย้อนหลังของดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์ หรือ SET Total Return Index (SET TRI) ในรอบ 10 ปี โดยแยกเป็นรายเดือนมาให้ดูกันแบบชัดๆ 

ผลตอบแทนหุ้นไทย รอบ 10 ปี 0

รวบรวมข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)

จากสถิติข้างบนพบว่าตั้งแต่ปี 2554 – 2563 ในเดือนพฤษภาคม มี 6 ใน 10 ครั้งที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง โดยคิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ -1.18% ซึ่งดูเผินๆ อาจจะดูเป็นตัวเลขที่ไม่ได้เยอะมาก และโอกาสที่ตลาดติดลบก็เกือบจะครึ่งๆ  

แต่เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเดือนอื่นๆ จะเจอข้อมูลที่น่าสนใจว่า 10 ปีมานี้ พฤษภาคมเป็นเดือนที่ตลาดมีโอกาสติดลบเป็นจำนวนมากที่สุด ทั้งในแง่จำนวนครั้ง และอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยก็น้อยที่สุดในรอบ 10 ปีอีกด้วย

ส่วนคำถามที่ว่าเหตุการณ์ Sell in May and Go Away ปีนี้จะเกิดหรือไม่นั้น คงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด แต่ในแง่สถิติที่ผ่านมาแล้ว เราคงต้องให้ความระมัดระวังกับการลงทุนในเดือนนี้มากเป็นพิเศษ เพราะถึงแม้ว่า “ไม่มีปีไหนที่หุ้นเขียวทุกเดือน” “ไม่มีเดือนไหนหุ้นแดงทุกปี” แต่พฤษภาคมอาจมีโอกาสขาดทุนเยอะสุด 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายจับจังหวะลงทุนที่ระมัดระวังกับความผันผวนของตลาดให้ได้ แต่หากใครที่เน้นกลยุทธ์ทยอยลงทุนสม่ำเสมอในระยะยาวอยู่แล้ว การเข้าเก็บสะสมของดีราคาถูก ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่สามารถทำต่อไปได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน