Business

เสิร์ฟซูชิกินในรถ อย่าคิดว่าปลอดภัย กรมอนามัย เสี่ยงโควิด-19

เสิร์ฟซูชิกินในรถ ไม่ใช่จะปลอดภัย กรมอนามัย ชี้ระวังผิดดฏหมาย ในพื้นที่บังคับใส่หน้ากากอนามัย แถมเสี่ยงโควิด-19 แนะซื้อทานที่บ้าน สั่งเดลิเวอรี่ปลอดภัยกว่า 

นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพและโฆษกกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวการให้บริการของร้านซูชิบุฟเฟ่ต์เชียงใหม่แบบ Drive-In Buffet หรือ เสิร์ฟซูชิกินในรถ นาน 2 ชั่วโมง โดยเป็นการปรับตัวของร้านอาหาร ภายหลังที่ได้กำหนดให้ จังหวัดเชียงใหม่ เป็น 1 ใน 6 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวด

เสิร์ฟซูชิกินในรถ

หนึ่งในนั้น คือ การให้ร้านอาหาร จำหน่ายเฉพาะซื้อกลับไปกินที่บ้าน หรือที่อื่น และห้ามนั่งกินในร้าน

ทั้งนี้ แม้ว่าร้านดังกล่าว จะมีรูปแบบการสั่งอาหาร ผ่านแอปพลิเคชัน และคิวอาร์โค้ด พร้อมทั้งมีมาตรการป้องกัน และจำกัดจำนวนลูกค้าในแต่ละรอบ แต่การกินอาหารในรถ พร้อมกันลักษณะนี้ อาจมีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้

นั่นเพราะจะไม่ทราบว่าผู้ที่มาอยู่ในรถ เป็นสมาชิกในครอบครัวอยู่ในบ้านเดียวกัน หรือเป็นการรวมกลุ่มคนจากหลากหลาย ที่มาอยู่รวมกันในที่แคบ ห่างกันไม่เกิน 1 เมตร รถเล็ก ๆ ห่างกัน 50 เซนติเมตร อากาศถ่ายเทไม่ดีเท่าที่ควร และใช้เวลากินนานพอสมควร

นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องถอดหน้ากากออก เมื่อกินอาหารร่วมกัน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ รวมทั้งการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กรณีเป็นพื้นที่ที่กฏบังคับ เรื่องการสวมหน้ากากออกนอกเคหะสถานมากกว่า 2 คน แม้จะมาจากบ้านเดียวกัน อาจถูกจับปรับได้

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในช่วงเวลานี้ ขอให้ประชาชนใช้วิธีการซื้อไปกินที่บ้าน หรือสั่งอาหารแบบเดลิเวอรีแทน เพื่อลดการออกนอกบ้าน หรือรวมตัวกันโดยไม่จำเป็น และเมื่อสถานการณ์โควิดในพื้นที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น การใช้มาตรการคุมเข้มต่าง ๆ ก็อาจจะมีการผ่อนปรนให้นั่งกินในร้านอีกครั้ง แต่กำจัดจำนวนผู้ใช้บริการ และเข้มมาตรการ เว้นระยะห่างหรือมาตรการอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งต้องเป็นความร่วมมือของทุกคน ที่ต้องช่วยกัน เพื่อลดความเสี่ยง ของโรคโควิด-19

ร้านบุฟเฟต์ซูชิ c

ด้าน นายสมศักดิ์ ศิริวนารังสรรค์ ผู้อำนวยการสำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย กล่าวว่า สิ่งที่ กรมอนามัย เน้นย้ำทุกร้านอาหาร ที่ให้บริการในช่วงเวลานี้ คือ มาตรการความปลอดภัย เพื่อป้องกันโควิด-19 สร้างความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค

กระบวนการความปลอดภัยในร้านอาหาร ต้องเริ่มตั้งแต่ครัว กระบวนการปรุง ประกอบ จนถึงมือผู้บริโภค ซึ่งการแพร่ระบาดส่วนใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อ โดยการสัมผัสคลุกคลีใกล้ชิดกันเป็นเวลานาน ในกลุ่มพนักงาน หรือในกลุ่มผู้บริโภคร่วมวงเดียวกัน มากกว่าเกิดจากพนักงาน ไปสู่ผู้บริโภค โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

กลุ่มที่ 1 ผู้ประกอบกิจการร้านอาหาร ต้องจัดให้มีระบบการคัดกรองพนักงานหรือ ผู้ให้บริการและผู้มาใช้บริการ รวมทั้งผู้ประกอบกิจการ ควรประเมินการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ผ่านแพลตฟอร์ม THAI STOP COVID http://stopcovid.anamai.moph.go.th ของกรมอนามัย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ ให้กับผู้บริโภค

กลุ่มที่ 2 ผู้สัมผัสอาหาร และผู้ปฏิบัติงานในร้านอาหาร ต้องมีการตรวจคัดกรองพนักงานในร้านทุกคน ก่อนให้ปฏิบัติงาน ให้มีการสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย ถ้าหน้ากากเปียกชื้น หรือสกปรก ควรเปลี่ยนใหม่ทันที ล้างมือด้วยสบู่ และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนปฏิบัติงาน ที่ต้องสัมผัสอาหารทุกครั้ง หลังออกจากห้องส้วม และหลังสัมผัสสิ่งสกปรก

สำหรับกระบวนการ ปรุงประกอบ ต้องเตรียม และปรุงอาหาร บนโต๊ะที่สูงจากพื้นอย่างน้อย 60 เซนติเมตร อาหารสด ต้องล้างให้สะอาด ก่อนนำมาปรุง หรือเก็บ ส่วนวิธีการเก็บอาหารประเภทต่าง ๆ ต้องแยกเก็บเป็นสัดส่วน อาหารประเภทเนื้อสัตว์ดิบ เก็บในอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส และอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้ว ห้ามใช้มือหยิบจับ หรือสัมผัสอาหารโดยตรง

กลุ่มที่ 3 ผู้ซื้อ/ผู้บริโภค เช่นเดียวกันต้องคัดกรองตนเอง หากรู้ว่าเสี่ยง ไม่ควรออกจากบ้าน ต้องสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเข้าไปซื้ออาหารในร้าน และไม่ควรใช้ระยะเวลานาน (กรณีอนุญาตให้นั่งทานได้ไม่ควรใช้เวลานานเกิน 1 ชั่วโมง)

ขณะเดียวกัน ต้องเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร หรือหากมีการรับอาหารที่ปรุงสำเร็จจากผู้ส่งอาหารประเภทเดลิเวอรีแล้ว ต้องล้างมือให้สะอาด จากนั้นนำอาหาร ไปถ่ายใส่ในภาชนะ หากเก็บอาหารปรุงสำเร็จนานเกินกว่า 2 ชั่วโมง ควรนำมาอุ่นให้เดือดอีกครั้งก่อนนำมาบริโภค

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo