COVID-19

แพทย์ ย้ำ สร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน เป็นการลงทุนด้านสาธารณสุข ‘ที่คุ้มค่าที่สุด’

แพทย์จุฬาฯ ย้ำ การสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีน เป็นการลงทุนด้านสาธารณสุข ที่คุ้มค่าที่สุด และเป็นหนทางนำพาประเทศ สู่ทางออกของการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อ

ที่ผ่านมาประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่มานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ ประเทศไทยมีบทเรียนจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โรคไข้หวัดนก โรคซาร์ส และโรคเมอร์ส ซึ่งปัจจัยสำคัญที่นำพาประเทศให้รอดพ้นวิกฤติของการแพร่ระบาด คือ การนำมาตรการที่เข้มงวดต่างๆ มาปรับใช้ในสังคมไทย ร่วมกับการให้ภูมิคุ้มกันที่ดีกับประชาชน

วัคซีนโควิดรพ.สนาม ๒๑๐๔๓๐

รศ. นพ. ชิษณุ พันธุ์เจริญ สาขาวิชาโรคติดเชื้อและศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิจัยโรคติดเชื้อเด็กและวัคซีน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เชื้อโรคเปรียบเสมือนข้าศึก ภูมิคุ้มกันทำหน้าที่เหมือนทหาร ถ้าเรามีทหารที่พร้อมรบ เราก็จะสามารถป้องกันโรคได้

ในความเป็นจริง ร่างกายคนเรามีภูมิคุ้มกันทั่ว ๆ ไปอยู่แล้ว เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเองตามธรรมชาติ มีความสามารถในการป้องกัน หรือทำลายเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมได้ในระดับหนึ่ง แต่เป็นภูมิคุ้มกันที่ไม่จำเพาะเจาะจง กับเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่ง ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันชนิดนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ พันธุกรรม ฮอร์โมน และภาวะโภชนาการของแต่ละบุคคล

หากมองในแง่ของการป้องกันโรค การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่มีลักษณะจำเพาะเจาะจง เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะทำให้ลดการเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อต่าง ๆ การสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยการฉีดวัคซีน เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ และยังเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่สามารถลดอัตราการป่วย และการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อได้

จากสถิติพบว่า วัคซีนสามารถช่วยชีวิตคนได้ 5 คนทั่วโลกในทุก 60 วินาที เนื่องจากโรคติดเชื้อบางโรค มีอาการรุนแรง ซึ่งอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ อีกทั้งโรคบางโรค ยังแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ หากเราป่วยแม้จะมีอาการไม่มาก เชื้อก็ยังสามารถแพร่กระจายไปยังคนคนรอบข้างได้ ซึ่งถ้าคนเหล่านี้มีโรคประจำตัว อาจทำให้มีอาการรุนแรงได้ นับตั้งแต่เริ่มมีการให้วัคซีนในการป้องกันโรคต่างๆ อายุขัยของคนเพิ่มขึ้นถึง 15-25 ปี และมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวเพิ่มขึ้น

นพ.ชิษณุ pic3 1
รศ. นพ. ชิษณุ พันธุ์เจริญ

นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่า วัคซีนมีความจำเป็นสำหรับเด็ก ส่วนผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัยไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีน แต่ในระยะหลัง คนไทยเริ่มตื่นตัวเกี่ยวกับวัคซีนมากขึ้น หลังจากที่หน่วยงานภาครัฐ ได้รณรงค์การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นวัคซีนสำหรับคนทุกวัย โดยเฉพาะในคนกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และคนที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคปอด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต โรคอ้วน เพราะวัคซีนจะช่วยลดความเสี่ยง ที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคได้

ขณะเดียวกัน อายุยังมีความสัมพันธ์กับการเลือกฉีดวัคซีน เพราะโรคติดเชื้อแต่ละโรค จะเกิดกับคนในแต่ละวัย จึงแบ่งวัคซีนออกเป็น 3 กลุ่มคือ 1. วัคซีนสำหรับเด็ก 2. วัคซีนสำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ และ 3. วัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนโรต้า เป็นวัคซีนสำหรับเด็กเล็ก วัคซีนไข้เลือดออก เป็นวัคซีนสำหรับวัยรุ่นและผู้ใหญ่ วัคซีนงูสวัดเป็นวัคซีนสำหรับผู้สูงอายุ วัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวัคซีนของทุกวัย เป็นต้น

สำหรับวัคซีนโควิด-19 อายุที่จะเลือกฉีดวัคซีนก็มีความสำคัญเช่นกัน ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปี อาจเพราะเหตุผลสองประการ คือ

1. เด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 มักไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยทั่วไปเด็กที่ติดเชื้อโควิดจะมีอาการน้อยกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งแตกต่างจากโรคไข้หวัดใหญ่ที่อาการของผู้ป่วยเด็กอาจจะรุนแรงได้

2. วัคซีนโควิด-19 ยังไม่มีการศึกษาในเด็ก เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่ แนะนำสำหรับวัยรุ่นอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ยังไม่แนะนำให้ฉีดในเด็ก ที่สำคัญวัคซีนโควิด-19 มีหลายชนิด แต่ละชนิดทำการศึกษาในคนแต่ละกลุ่มแต่ละวัย ทั้งนี้หน่วยงานองค์กรด้านสาธารณสุขของไทยจำเป็นต้องติดตามผลการวิจัยและผลการนำวัคซีนมาใช้อย่างแพร่หลาย เพราะจะทำให้ทราบถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนแต่ละชนิดว่ามีมากน้อยเพียงใด

ภาพประกอบ pic1 1

ขณะที่ ทิศทางการผลิตวัคซีนในอนาคต รศ. นพ. ชิษณุ แบ่งเป็นสองกลุ่มคือ 1. วัคซีนป้องกันโรคที่อาจเกิดการระบาดขึ้นใหม่ ซึ่งจะต้องมีศักยภาพในการผลิตวัคซีนให้ได้รวดเร็ว วัคซีนโควิด-19 ถือว่าผลิตขึ้นได้รวดเร็วมาก และสามารถนำมาใช้ทั่วโลกในการควบคุมการแพร่ระบาดได้จริง แต่ประสิทธิภาพจะเพียงพอหรือไม่ อาการข้างเคียงของวัคซีนจะเป็นอย่างไร ยังต้องติดตามดูข้อมูลด้านการพัฒนาวัคซีนต่อไป 2. วัคซีนป้องกันโรคที่มีอยู่แล้ว ในปัจจุบันวัคซีนยังอยู่ระหว่างการคิดค้น เช่น วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อ EV71 ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคมือเท้าปาก วัคซีนป้องกันโรคติด respiratory syncytial virus (RSV) เป็นต้น

อีกประการที่สำคัญคือ จะทำอย่างไรให้วัคซีนครอบคลุมสายพันธุ์ของเชื้อให้เพิ่มขึ้น ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในการป้องกันโรค ยกตัวอย่าง วัคซีนไข้หวัดใหญ่จากเดิมที่มีวัคซีนชนิด 3 สายพันธุ์ ได้พัฒนาให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้นเป็นวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ วัคซีนเอชพีวีชนิด 9 สายพันธุ์ซึ่งป้องกันมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งชนิดอื่นที่เกิดจากเชื้อเอชพีวี ได้ดีกว่าวัคซีนชนิด 2 และ 4 สายพันธุ์

อย่างไรก็ตาม การสร้างภูมิคุ้มกันไม่ได้มาจากวัคซีนอย่างเดียว ทุกคนควรต้องดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารเพื่อสุขภาพ ตรวจเช็คร่างกายประจำปี เพื่อลดโอกาสของการติดเชื้อจากโรคต่างๆ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo