COVID-19

‘อนุทิน’หารือ’ซิโนฟาร์ม’ เปิดขึ้นทะเบียนวัคซีนเสรี ย้ำประชาชนเลือกยี่ห้อฉีดไม่ได้

“อนุทิน” หารือ “ซิโนฟาร์ม” ย้ำไทยไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 พร้อมนำสาธารณสุขช่วย กทม.แบ่งเบาภาระเรื่องเตียง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการหารือกับตัวแทนจากบริษัทซิโนฟาร์ม ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 ว่า กระทรวงสาธารณสุข และภาครัฐ เปิดช่องทาง ให้ฝ่ายผู้ผลิตได้หารือ เพื่อสอบถามความเป็นไปได้ในการจัดซื้อวัคซีนเข้ามาให้บริการกับคนไทย ซึ่งทางผู้ผลิตต้องทำตามขั้นตอน เมื่อทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้องแล้วไทยก็พร้อมขึ้นทะเบียนให้  ที่ผ่านมาทางองค์การอาหารและยา(อย.)ได้ขึ้นทะเบียนรับรองวัคซีนไปแล้วหลายยี่ห้อ หากจะบอกว่าภาครัฐปิดกั้นการขึ้นทะเบียน ก็ต้องขอปฏิเสธ เพราะไม่เคยปิดกั้นใครทั้งนั้น

หากเอกชน หรือผู้ผลิต ต้องการนำวัคซีนมาขึ้นทะเบียน ย่อมทราบเรื่องขึ้นตอนอยู่แล้ว ก็ขอให้ปฏิบัติตามนั้น การพูดคุยกับผู้ผลิตวัคซีน สิ่งหนึ่งที่ต้องทราบคือ หากสั่งจองแล้ว จะส่งได้เมื่อไหร่ ตรงนี้ทางผู้ผลิตต้องการันตี จะซื้อหรือไม่ ขึ้นกับเรื่องนี้เป็นสำคัญ

ขอย้ำว่า วัคซีนหลักของไทยยังเป็นของ แอสตร้าเซนนิกา ซึ่งโรงงานในไทย มีความคืบหน้าในแผนการผลิตไปมาก และทางผู้ผลิตก็รายงานว่าจะเริ่มผลิต และจัดส่งได้ตามเวลา ส่วนที่เหลือเป็นวัคซีนทางเลือก ซึ่งจะปรับใช้ให้สอดคล้องกับคนไทย ขอย้ำว่าทุกคนจะได้รับบริการวัคซีนที่ปลอดภัย และมีความเหมาะสม ภายใต้ข้อกำหนดตามหลักวิชาการ

นายอนุทิน กล่าวว่าในส่วนของการเลือกยี่ห้อวัคซีน ประชาชนคงเลือกฉีดไม่ได้ เพราะแต่ละชนิดมีความเหมาะสมที่จะบริหารจัดการฉีดในกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกัน เช่น วัคซีนไฟเซอร์ มีผลการทดลองในเด็กตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป หากนำเข้ามาได้เราก็จะสำรองฉีดให้เด็ก 12-18 ปี

S 46948386

ส่วนวัคซีนซิโนแวค ที่ฉีดเข็ม 2 ห่างจากเข็มแรกเพียง 3 สัปดาห์ ใช้เวลาสร้างภูมิคุ้มกันน้อยกว่าวัคซีนชนิดอื่น เราก็ต้องเร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทำงานด่านหน้า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อสร้างความปลอดภัยให้คนทำงานในเวลารวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ต้องใช้วัคซีนแต่ละชนิดสำรองให้กับข้อบ่งชี้ของแต่ละคนตามความจำเป็นต้องใช้ด้วย เช่น การแพ้วัคซีน

ส่วนการเสียชีวิตของประชาชนทุกคน เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และไม่สมควรเกิดเป็นอย่างยิ่ง ทีมสาธารณสุข ทุกคนทำงานอย่างสุดความสามารถ และหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นโดยเร็ว ส่วนเรื่องปัญหาเตียงไม่พอ พบว่ายังเป็นปัญหาในกรุงเทพมหานคร ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เข้าไปแบ่งเบาภาระแล้ว ในฐานะฝ่ายสนับสนุ คิดว่าน่าจะช่วยคลี่คลายปัญหาตรงนี้ลงได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight