Politics

เตือน!! สูบบุหรี่เสี่ยงติดเชื้อ ‘โควิด’ มากกว่าคนไม่สูบถึง 14 เท่า

“สสส.” เตือน “โควิดสายพันธุ์อังกฤษ” ติดง่าย รุนแรง จู่โจมปอดเร็ว เตือนผู้สูบ “บุหรี่” และ “บุหรี่ไฟฟ้า” เสี่ยงติดเชื้อมากกว่าคนไม่สูบถึง 14 เท่า อาการรุนแรงกว่าคนทั่วไปอย่างชัดเจน

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ขณะนี้โควิด-19 ที่ระบาดในไทย เป็นเชื้อกลายพันธุ์ สายพันธุ์อังกฤษ ที่ติดเชื้อง่าย และมีความรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเชื้อจะลงไปที่ปอด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง และเสียชีวิตได้มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างมาก ขอฝากถึงคนที่สูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะมีการอักเสบเรื้อรังในหลอดลมและปอดอยู่แล้ว จากพิษของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเอง ทำให้ความสามารถในการขจัดสิ่งแปลกปลอม และฆ่าเชื้อโรคที่เข้าสู่ปอดที่มากับลมหายใจลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสได้ง่ายกว่าคนปกติ สสส. จึงขอเชิญชวนให้คนที่สูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้าให้เลิกสูบ เพื่อสุขภาพของตนเอง และป้องกันการติดเชื้อโควิด-19

สสส.

รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ และเวชบำบัดวิกฤต ในฐานะรองประธานเครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมยาสูบ สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ขณะนี้ การสูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า นับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญในการรับเชื้อ และแพร่กระจายเชื้อให้แก่ผู้อื่น

โดยมีงานวิจัยระบุว่า ผู้สูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ได้มากกว่าคนปกติ 5 – 14 เท่า และเมื่อป่วยแล้วมักมีอาการรุนแรงกว่าคนทั่วไปที่ไม่สูบเลยอย่างชัดเจน ที่น่าเป็นห่วงมากกว่านั้น คือ นักสูบที่สูบจนเกิดโรคเรื้อรังแล้ว เช่น โรคถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง มะเร็งปอด ระบบภูมิคุ้มกัน จะมีลดต่ำกว่าคนปกติ ทำให้เชื้อโควิด-19 สามารถผ่านเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย และเกิดอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

นพ.สุทัศน์ ยังตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า บุหรี่ไฟฟ้า อาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ให้แก่คนรอบข้างได้มากกว่าบุหรี่มวน คือ

1. ปริมาณของฝอยละอองที่เกิดขึ้นจากบุหรี่ไฟฟ้า (aerosol) และล่องลอยออกไปในอากาศ มีมากกว่าบุหรี่มวน ซึ่งฝอยละอองนี้จะพาเอาเชื้อโควิด-19 ไปพร้อมกัน และแพร่กระจายไปด้วยกระแสลมได้เป็นอย่างดี

2. ผู้สูบบุหรี่ หรือบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนไม่น้อย มีพฤติกรรมสูบกันเป็นกลุ่ม พูดคุยกันหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ทำให้แพร่กระจายเชื้อโควิดให้แก่กันได้ง่ายมาก เช่น กรณีคลัสเตอร์การระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้

3. ในสถานบันเทิง จะมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร่วมกับสูบบุหรี่ หรือบุหรี่ไฟฟ้า บางคนอาจแชร์บุหรี่ไฟฟ้าระหว่างกัน หรือสูบบุหรี่มวนเดียวกัน พฤติกรรมนี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ทำให้เชื้อโควิด-19 แพร่กระจายได้อย่างง่ายดาย

โควิด-19 ติดง่าย หายยาก มีโอกาสเสียชีวิตสูง หากไม่อยากบั่นทอนสุขภาพของตนเอง ขอเตือนนักสูบทั้งหลาย ทั้งบุหรี่ธรรมดา หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นปัจจัยสำคัญในการแพร่ระบาดโควิด-19 ขอให้เลิกสูบบุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด หยุดพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อลดความรุนแรง และตัวเลขผู้ติดเชื้อของประเทศ หันมาออกกำลังกาย กินอาหารดีมีประโยชน์ นอกจากได้สุขภาพที่ดีแล้วยังห่างไกลจากโควิด-19 อีกด้วย ซึ่งในขณะนี้ แพทย์ และบุคลากรทางการแพทย์ ต่างก็กำลังทำงานกันอย่างหนัก โดยเฉพาะแพทย์ระบบการหายใจ หากประชาชนช่วยกันหยุดพฤติกรรมเสี่ยง ป้องกันเชื้อ จะช่วยลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ได้มาก” นพ.สุทัศน์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า มีความน่ากังวลมากกว่าผู้ที่สูบบุหรี่มวน เนื่องจากสารประกอบต่าง ๆ ในบุหรี่ไฟฟ้า มีความเป็นพิษสูงกว่า เช่น นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้า มีโครงสร้างทางเคมีแตกต่างไปจากบุหรี่มวน สามารถถูกดูดซึม เข้าสู่กระแสเลือดได้ง่ายกว่า มากกว่า และเกิดผลกระทบต่อหลอดเลือดได้มากกว่าแบบเดิม บุหรี่ไฟฟ้า มีปริมาณนิโคตินมากกว่าในบุหรี่มวนถึง 10 – 100 เท่า

นอกจากนี้ สารระเหยในบุหรี่ไฟฟ้า เช่น โพรไพลีนไกลคอล กลีเซอรีน ที่ใช้เป็นตัวทำละลายในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสารที่ใช้ในอุตสาหกรรมหนักต่างๆ เช่น น้ำยาล้างหม้อน้ำรถยนต์ และเครื่องจักรอุตสาหกรรม โดยทั่วไป จะไม่ใช้สารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายโดยเฉพาะในปอด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ และเกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงแบบเฉียบพลัน (EVALI) ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo