Economics

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ชงรัฐล็อกดาวน์โซนสีแดง!!

ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 87.3 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ชงรัฐล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดสูง พร้อมเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 87.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกขนาดอุตสาหกรรมและทุกภูมิภาค โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อภาคการผลิต รวมทั้งการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการบริโภคในประเทศ นอกจากนี้ผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าก่อนวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์

ส.อ.ท.

อย่างไรก็ตาม ด้านการส่งออก มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วนฯ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูป นอกจากนี้ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในหลายประเทศ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ อาทิ สหรัฐ จีนและยุโรป ช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,351 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วประเทศในเดือนมีนาคม 2564 พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมัน 51.2% และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 46.1%

ส่วนปัจจัยที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความกังวลลดลง ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจโลก 63.2%, อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 52.0% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 33.5% ตามลำดับ

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 94.0 จากระดับ 92.0 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นว่าความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในหลายประเทศ ตลอดจนมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จะช่วยให้เศรษฐกิจการค้าโลกฟื้นตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ การผ่อนปรนมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป

ส.อ.ท.

ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ

  1. ขอให้ภาครัฐเร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ให้ได้โดยเร็ว โดยใช้มาตรการล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีความเสี่ยงและมีการแพร่ระบาดสูง
  2. เร่งรัดการฉีดวัคซีน COVID-19 ให้กับประชาชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน
  3. สนับสนุนให้เอกชนนำเข้าวัคซีนที่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.แล้ว เพื่อช่วยให้การฉีดวัคซีนเร็วขึ้น
  4. ขอให้ภาครัฐดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
  5. เร่งแก้ไขปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
  6. เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังเป็นปัญหาต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และข้อมูลตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากหน่วยงานต่างๆ ย้อนหลัง 3 ปี จัดทำเป็น Dashboard เผยแพร่ในเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม Industry Data Space (iDS) ของสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถเข้าไปใช้บริการข้อมูลดังกล่าวได้ที่ www.fti.or.th/ids

ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กล่าวว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนมีนาคม 2564 ส่งออกได้ 104,506 คัน เพิ่มขึ้น 16.38% จากเดือนมีนาคม 2563 และเพิ่มขึ้น 31.50% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2564 สูงสุดในรอบ 24 เดือน จากเศรษฐกิจและยอดขายรถยนต์ของประเทศคู่ค้าในเดือนมีนาคมเติบโตจากมีนาคมปีที่แล้ว เช่น ออสเตรเลีย โต 22% นิวซีแลนด์ โต 86% เวียดนาม โต 58% อินโดนีเซีย โต 10% มาเลเซีย โต 200% ยุโรป โต 87% เพราะปีที่แล้วยอดขายรถยนต์ในยุโรปต่ำที่สุดในรอบ 30 กว่าปี ทำให้ประเทศไทยส่งออกรถยนต์ไปในตลาดออสเตรเลียและโอเชียเนียเพิ่มขึ้นจากมีนาคมปีที่แล้ว 48.16% ตลาดเอเชียเพิ่มขึ้น 46.40% และตลาดยุโรป เพิ่มขึ้น 53.93% นอกจากนี้ การส่งออกเครื่องยนต์สันดาปภายใน ชิ้นส่วนรถยนต์ก็เพิ่มขึ้นตามการเปิดสายการผลิตของประเทศคู่ค้า

ขณะที่ การส่งออกในไตรมาสแรกปีนี้ (มกราคม-มีนาคม) ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 258,108 คัน โดยส่งออกเพิ่มขึ้น 3.13% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 มูลค่าการส่งออก 143,081.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11.05%

สำหรับยอดการผลิตรถยนต์ในเดือนมีนาคม 2564 มีทั้งสิ้น 162,515 คัน เพิ่มขึ้น 10.70% จากเดือนมีนาคม 2563 และเพิ่มขึ้น4.71% จากเดือนกุมภาพันธ์ 2564 โดยยอดการผลิตเพิ่มขึ้นจากการผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกที่เพิ่มขึ้น 23.71% จากมีนาคม 2563 การผลิตรถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 14.78% รถพีพีวี เพิ่มขึ้น 130.17% และรถบรรทุกเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้น 37.06%

ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในไตรมาสแรกปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 465,833 คัน เพิ่มขึ้น 2.68% จากไตรมาสแรก ปี 2563

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK