COVID-19

‘กทม.’ ตอบชัด! ครอบครัวเดียวกันนั่งในรถก็ต้อง ‘สวมหน้ากากอนามัย’ ไม่งั้นเจอโทษ

“กทม.” ตอบชัด ครอบครัวเดียวกันนั่งในรถก็ต้อง “สวมหน้ากากอนามัย” ไม่งั้นมีโทษปรับ 2 หมื่นบาท อนุโลมเฉพาะขับคนเดียว

วันนี้ (26 เม.ย.) นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตามที่ประชาชนและสื่อมวลชนมีข้อสงสัยกรณีการบังคับให้ใส่หน้ากากหน้ามัยตามประกาศ กทม. เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก นั้น

กทม. สวมหน้ากากอนามัย

เจตนาในการประกาศ กทม. ฉบับนี้ คือ การป้องกันการติดต่อของโรคโควิด – 19 จากบุคคลไปสู่บุคคล การอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในอาคารหรือที่ต่าง ๆ จะต้องสวมหน้ากากอนามัย สำหรับในที่สาธารณะต้องใส่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรือไม่ เพราะบุคคลอื่นอาจมาใช้สถานที่นั้นต่อ

กรณีที่อยู่ในรถ เมื่อมีบุคคลอื่นร่วมอยู่ในรถด้วยจึงต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ไม่ยกเว้นแม้เป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และกรณีนั่งคนเดียวจึงอนุโลมได้ว่าไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย

กรณีของผู้ประกาศข่าว/ จัดรายการในสตูดิโอ เนื่องจากสตูดิโอถือว่าเป็นสถานที่นอกเคหะสถานและสถานที่พำนัก ตามประกาศดังกล่าว อีกทั้งเป็นสถานที่มีผู้ปฏิบัติงานรวมกันมากกว่า 1 คน มีลักษณะเป็นห้องปิด ซึ่งจะมีผู้เข้ามาใช้งานต่อเนื่อง การทำงานของผู้ประกาศขณะอ่านข่าวหรือจัดรายการจึงอยูในเกณฑ์ที่ต้องสวมหน้ากากตามที่กำหนดในประกาศ อีกทั้งผู้ประกาศข่าวเป็นบุคคลสาธารณะที่จะมีภาพปรากฏต่อสาธารณชนทั่วไป จึงควรเป็นภาพที่สวมใส่หน้ากากเพื่อแบบอย่างในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงและต้องการร่วมมือจากประชาชนในการดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรคที่ต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นในขณะนี้ด้วย

กรณีเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้สวมหน้ากาก เพราะเด็กยังไม่รู้วิธีที่จะถอดหน้ากากออกและอาจขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้ จึงเข้าข่ายอนุโลมไม่ต้องสวมหน้ากาก แต่ให้หลีกเลี่ยงการพาเด็กเล็กไปในสถานที่แออัด หรือพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด

742571

กทม. ประกาศไม่ “สวมหน้ากากอนามัย” เจอปรับ 2 หมื่น            

ประกาศ กทม. เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก มีเนื้อหาดังนี้

ตามที่ได้มีประกาศ กทม. เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 25) ลงวันที่ 25 เมษายน 2564 นั้น

เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมและผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้เพิ่มจำนวนอย่างต่อเนื่อง สมควรกำหนดมาตรการควบคุมที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนสำหรับสถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม เพื่อให้สามารถเปิดดำเนินการได้ ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบและระเบียบ รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 28 (1) (7) และมาตรา 34 (6) แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อ 7 (1) และข้อ 11 แห่งข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 ผู้ว่าราชการ กทม. โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2564 จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้

1.ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าอย่างถูกต้องหรือถูกวิธีทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก

2.ผู้ฝาฝืนไม่ปฏิบัติตามข้อ 1 เป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

ประกาศ กทม.

อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วน หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชน หรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้ง ตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

ประกาศ ณ วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2564

พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง

ผู้ว่าราชการ กทม.

เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ

ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กทม.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo