“หมอธีระ” เผยยอดโควิดล่าสุดอยู่ที่ 147,027,154 คน เสียชีวิตรวม 3,111,697 คน สถานการณ์ในไทยหนักขึ้นเรื่อย ๆ ระบาดกระจายไปทั่ว ล็อคดาวน์คือทางออกที่ดีที่สุด
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้ โดยระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 25 เมษายน 2564… ทะลุ 147 ล้านไปแล้ว ส่วนอินเดียยังทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดติดเพิ่มเกือบสามแสนห้าหมื่นคน 5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดยังเป็นเหมือนเมื่อวานคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา ตุรกี และฝรั่งเศส
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 834,255 คน รวมแล้วตอนนี้ 147,027,154 คน ตายเพิ่มอีก 13,522 คน ยอดตายรวม 3,111,697 คน
- อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 50,587 คน รวม 32,786,960 คน ตายเพิ่ม 735 คน ยอดเสียชีวิตรวม 585,873 คน อัตราตาย 1.8%
- อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 349,165 คน รวม 16,951,621 คน ตายเพิ่ม 2,760 คน ยอดเสียชีวิตรวม 192,309 คน อัตราตาย 1.1%
- บราซิล ติดเพิ่ม 70,105 คน รวม 14,308,215 คน ตายเพิ่มถึง 2,869 คน ยอดเสียชีวิตรวม 389,492 คน อัตราตาย 2.7%
- ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 32,633 คน ยอดรวม 5,473,579 คน ตายเพิ่ม 217 คน ยอดเสียชีวิตรวม 102,713 คน อัตราตาย 1.9%
- รัสเซีย ติดเพิ่ม 8,828 คน รวม 4,753,789 คน ตายเพิ่ม 399 คน ยอดเสียชีวิตรวม 107,900 คน อัตราตาย 2.3%
- อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลายหมื่นต่อวัน
- แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
- ล่าสุดโคลอมเบียแซงโปแลนด์ขึ้นมาเป็นอันดับ 12 ของโลก ติดเพิ่มวันละกว่า 16,000 คน
- ฟิลิปปินส์นั้นติดวันละเกือบหมื่นคน อีกสองวันจะมียอดรวมเกินล้านคน
- ญี่ปุ่นติดเพิ่มเกินห้าพันคนต่อวันมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าช่วงพีคของเค้าน่าจะราวสัปดาห์ที่ 1 – 2 ของพฤษภาคม
- แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่หลักร้อยถึงพันกว่า
- แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
- เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ฮ่องกง จีน เวียดนาม และนิวซีแลนด์ติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
…ดูแล้วเกาหลีใต้กำลังอยู่ในช่วงไต่ระดับของระลอกที่สี่ โดยเริ่มตั้งแต่ต้นเมษายนที่ผ่านมา แต่หวังใจว่ายังสามารถจัดการได้ทันเวลา
หลายประเทศควบคุมโรคได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นนิวซีแลนด์ ไต้หวัน ออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ และเวียดนาม
ถามว่าหลักการสำคัญของเค้าที่ทำให้เราได้เรียนรู้คืออะไร?
มาตรการที่เข้มข้น ชัดเจน ทันเวลา ระบบการตรวจที่มีศักยภาพ การเคร่งครัดมาตรการป้องกันตัว และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและกล้าหาญที่จะแสดงความรับผิดชอบ
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกลับมาฟื้นฟูได้เร็วนั้น มักไม่ลังเลที่จะประกาศล็อคดาวน์ในยามที่มีการระบาดเกิดขึ้น มองว่าล็อคดาวน์เป็นเรื่องปกติ เป็นวิธีที่ได้ผลยามวิกฤติที่เป็นโรคระบาดที่แพร่เร็วอย่างโควิด-19
…หวานเป็นลม ขมเป็นยา… ยานั้นมีความขม…แต่การใช้ยาอย่างถูกต้อง ในระยะเวลาอันสั้น ก็จะจัดการการระบาดได้ดี และทำให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว
ในขณะที่บางประเทศที่เลือกกินขนมหวาน…มองโลกสดใส วาดฝันว่าจะหากินกันได้ชิล ๆ ทั้งที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ในความเป็นจริงนั้นจะทำให้เกิดความเสี่ยงสูง และยากที่จะไล่ตามโรคระบาดได้ทัน และนำไปสู่วิกฤติคนติดเชื้อจำนวนมาก เสียชีวิตมากขึ้น บุคลากรทางการแพทย์ในระบบก็ทำงานอย่างหนักจนยากที่จะรับไหว ดังที่เห็นในแถบยุโรปมาแล้ว
ดังนั้น ความเชื่อว่าล็อคดาวน์แล้วเสียหายเยอะ เลยไม่ทำ จนสุดท้ายแล้วไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ก็จะมีโอกาสเห็นความเสียหายมหาศาลตามมาและมากกว่าการล็อคดาวน์ระยะสั้น มีทั้งสูญเสียชีวิต ผลิตภาพโดยรวม รวมถึงการกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความสามารถในการฟื้นตัวของประเทศในระยะยาว นี่เข้ากับสิ่งที่เรารู้กันมาคือ เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย…
สำหรับสถานการณ์ในไทยเรา…หนักขึ้นเรื่อย ๆ ระบาดกระจายไปทั่ว
สิ่งที่อยากเรียนเน้นย้ำประชาชนในช่วงถัดจากนี้คือ
หนึ่ง “ขอให้สวมหัวใจสิงห์ ปกป้องตัวเองและสมาชิกในครอบครัวอย่างเต็มที่ ให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ติดเชื้อ”
สอง หัวใจหลักที่ใช้เพื่อให้อยู่รอดคือ “ใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างคนอื่น ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นจริงๆ เลี่ยงการกินดื่มในร้านหรือโรงอาหาร ไม่นัดพบปะคนอื่นโดยไม่จำเป็น ควรใช้โทรศัพท์หรือออนไลน์แทน”
สาม “การใส่หน้ากาก” ควรใส่ 2 ชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย และชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า การใส่เช่นนี้จะช่วยให้ฟิตกับใบหน้ามากขึ้น ลดช่องว่างระหว่างหน้ากากกับผิวหน้า จะช่วยป้องกันได้ดีขึ้น
สี่ “เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน เตรียมงาน เตรียมแผนการใช้จ่าย และเตรียมสถานที่พักอาศัย” ให้พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ
และห้า ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการระบาดระลอกสามนี้จะมีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคนจำนวนมาก หากพอช่วยเหลือแบ่งปันให้กับคนที่ทุกข์ยากกว่าเรา ในละแวกพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ อุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ คำปรึกษาช่วยเหลือ รวมถึงงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะช่วยให้ประเทศเราประคับประคองทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกันได้
ส่วนธุรกิจอุตสาหกรรม และสถานประกอบกิจการเล็กกลางใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย บริการ รวมถึงท่องเที่ยว เดินทาง และที่พักรูปแบบต่าง ๆ นั้น อยากจะขอให้คิดวางแผนสำหรับอนาคตว่า จะมีการระบาดต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องหาทางปรับรูปแบบกิจการของเรา ให้เน้นความปลอดภัยในการทำงานของบุคลากรของเราและลูกค้าอย่างถาวร
ทั้งนี้ เราได้เรียนรู้แล้วว่า พอระบาดปะทุขึ้นมา ผลกระทบมันมีมากเกินกว่าจะรับไหว ดังนั้นหากปรับรูปแบบการประกอบกิจการได้โดยเน้นจำนวนคนลดลง จำนวนครั้งที่พบปะกันลดลง เวลาที่มีปฏิสัมพันธ์กันลดลง ก็จะทำให้มีโอกาสประคับประคองกิจการไปได้ในระยะยาวครับ
เราสู้และอยู่รอดไปด้วยกัน
ด้วยรักและห่วงใย
สวัสดีวันอาทิตย์ครับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอธีระ’ เผยยอดติดโควิดทะลุ 146 ล้านคน ‘อินเดีย’ ทำลายสถิติต่อเนื่อง!!
- ‘หมอธีระ’ เผยยอดติดโควิดทะลุ 145 ล้านคนแล้ว ห่วงเด็กติดเชื้อมากขึ้น!
- ‘หมอธีระ’ ย้ำ!! กุญแจสำคัญในการต่อสู้กับโควิดคือปัจจัยสี่