“กระทรวงการคลัง” ยังไม่เผยท่าทีต่อแผนฟื้นฟู “การบินไทย” รอลุ้นทีเดียววัน “เจ้าหนี้” ยกมือโหวต 12 พ.ค. “ชาญศิลป์” ปัดขอกลับเป็น รสก.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังเข้าหารือเรื่องบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้ (23 เม.ย.) ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปใด ๆ เกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทย เนื่องจากอยู่ระหว่างพิจารณาแผนฟื้นฟูฯ และอยู่ที่พิจารณาของเจ้าหนี้ด้วย
ด้านกระแสข่าวที่จะนำการบินไทยกลับมาเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจอีกครั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมีการประชุมโหวตแผนฟื้นฟูฯ ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 นี้
กรณีที่มีกระแสข่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยเข้าพบรัฐบาล เพื่อขอให้เปลี่ยนสถานะการบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง เนื่องจากเกรงว่า แผนฟื้นฟูฯ จะไม่ผ่านการพิจารณาของ ศาลล้มละลายกลาง นั้น
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (DD) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหนึ่งในผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ เปิดเผยว่า ตนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และไม่ได้หารือประเด็นดังกล่าวกับรัฐบาล
ที่ผ่านมาตนและคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟูฯ ทำงานตามหน้าที่ ซึ่งขณะนี้แผนฟื้นฟูฯ แล้วเสร็จและเสนอให้ศาลล้มละลายฯ ไปแล้ว จากนั้นจะมีการจัดประชุมเพื่อให้เจ้าหนี้โหวตแผนวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 และศาลฯ จะทำการตัดสินว่า รับหรือไม่รับแผนฟื้นฟูฯ ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2564
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียก กระทรวงการคลัง และหน่วยงานต่าง ๆ เข้าประชุมเรื่อง การบินไทย ในวันนี้ นายชาญศิลป์กล่าวว่า การบินไทยไม่ได้เกี่ยวข้องหรือเข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง มีฐานะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของการบินไทย เพราะฉะนั้นจึงมีการหารือเรื่องแผนฟื้นฟูฯ ตามปกติ
ส่วนรัฐบาลหรือกระทรวงการคลังจะมีจุดยืนอย่างไรกับแผนฟื้นฟูฯ ตนไม่ทราบ ต้องรอผลการโหวตในการประชุมเจ้าหนี้วันที่ 12 พฤษภาคม โดยช่วง 3 – 4 วันก่อนการประชุมเจ้าหนี้ ศาลฯ จะเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ สามารถแก้ไขแผนได้เป็นครั้งสุดท้าย
ตามขบวนการแผนฟื้นฟูฯ เรามีหน้าที่ทำแผนพื้นฟูฯ เสนอต่อเจ้าหนี้และศาลฯ เท่านั้น แผนจะผ่านหรือไม่ผ่านขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ ว่าจะโหวตรับหรือไม่ หากเจ้าหนี้รับก็ตั้งผู้บริหารแผนเดินหน้าฟื้นฟูต่อไป แต่หากเจ้าหนี้ไม่รับแผน เจ้าหนี้ก็สามารถเสนอศาลฯ ขอทำแผนฟื้นฟูเองได้ จะทำแผนแบบใด มีการปรับโครงสร้างแบบใดก็ขึ้นกับเจ้าหนี้
“การบินไทย” เจอวิกฤติโควิด ยื่นขอฟื้นฟูกิจการ
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการการบินไทย ซึ่งคำสั่งดังกล่าวส่งผลให้การบินไทยเข้าสู่สภาวะการพักชำระหนี้ (Automatic Standstill) กับเจ้าหนี้ทุกรายตามกฎหมาย
สำหรับรายละเอียดที่การบินไทยใช้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายมีดังนี้ บริษัท การบินไทย (ขณะนั้น) มีทุนจดทะเบียน 26,989 ล้านบาท หนี้สินรวม 354,494 ล้าน สินทรัพย์รวม 349,636 ล้าน มีหนี้ถึงกำหนดชำระ ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2563 รวม 10,200 ล้าน ซึ่งการบินไทยอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้
โดยเหตุผลที่ศาลฯ ควรพิจารณาให้ฟื้นฟูกิจการ คือ ธุรกิจการบินไทยมีพื้นฐานดี มีการประกอบธุรกิจมานาน เเละยังได้รับรางวัลต่อเนื่อง รวมทั้งมีธุรกิจอื่นช่วยสร้างรายได้ ทั้งการขนส่งสินค้า บริการภาคพื้น และครัวการบิน ซึ่งปัญหาหนี้สินเกิดจากภาพรวมอุตสาหกรรมในและต่างประเทศมีการแข่งขันสูง รวมถึงสถานการณ์ของโรคโควิด-19 ที่กระทบธุรกิจการบิน การบินไทยปรับตัวไม่ทันกับสถานการณ์เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายหลายฉบับ หากไม่ได้รับการฟื้นฟูจะเสียหายต่อเจ้าหนี้ ลูกหนี้ พนักงาน เเละเศรษฐกิจของประเทศชาติ
ทั้งนี้ การบินไทยยังสามารถมีช่องทางการฟื้นฟู ดังนี้ 1. ต้องปรับโครงสร้างหนี้, 2. ต้องเปลี่ยนการบริหารจัดการองค์กร ลดต้นทุน, 3. ปรับปรุงเครือข่ายเส้นทางบิน, 4. ปรับปรุงหน่วยธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และ 5. ปรับปรุงการหารายได้
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดคือ การบินไทยได้ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2564 และเตรียมจัดการประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 เพื่อลงคะแนนให้แผนฟื้นฟู ถ้าหากผ่านการพิจารณาจากเจ้าหนี้ ก็ต้องเสนอให้ศาลฯ พิจารณาเห็นชอบและแต่งตั้งผู้บริหารแผนฟื้นฟูต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘นายกฯ’ เรียกถกอนาคต ‘การบินไทย’ จะเป็นเอกชนหรือกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ?
- ‘เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์’ คว้าประมูลศูนย์ฝึกลูกเรือการบินไทย 1,810 ล้าน
- ‘หมอต้วง’ ขุดแผลการบินไทย กัปตันขู่ขอเพิ่มเงิน ไม่งั้นผลาญน้ำมัน 5 ตันทุกไฟลท์