ปล่อยให้สถาบันการเงินเปิดตัวบริการ Mobile Banking กันเปรี้ยงปร้างไปก่อนแล้วตั้งแต่ต้นปี ล่าสุดถึงทีค่ายโทรคมนาคมอย่างเอไอเอสที่จะลงมาลุยในตลาด Mobile Payment กันบ้าง แถมมาครั้งนี้ใหญ่กว่าใคร ด้วยการส่งบริษัทลูกอย่าง mPay มาประกาศร่วมทุนครั้งใหญ่กับ Rabbit LINE Pay (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ LINE) ตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินทางมือถืออันดับหนึ่งของประเทศไทยภายใน 3 ปี
การประกาศครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะนั่นหมายความว่า จะเกิดการหลอมรวมของฐานผู้ใช้งาน Moblie Payment ครั้งใหญ่ กับการย้ายฐานลูกค้าของ mPay ผ่านแอปพลิเคชัน myAIS ที่มีประมาณ 3 – 4 ล้านราย และมียอดการทำธุรกรรมเฉลี่ย 400,000 – 500,000 ครั้งต่อเดือน มารวมเป็นผู้ใช้งาน Rabbit LINE Pay ที่มีอยู่แล้วเดิมประมาณ 3 ล้านราย และมีการทำธุรกรรมสูงสุดในหนึ่งวันอยู่ที่ 1.5 ล้านครั้ง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้ mPay เข้าถึงบริการต่าง ๆ ของ Rabbit LINE Pay รวมถึงสามารถใช้บริการใหม่ที่ Rabbit LINE Pay จะเปิดให้ใช้ Rabbit LINE Pay จ่ายชำระค่ารถไฟฟ้า BTS ผ่าน QR Code ได้ในเดือนมิถุนายนนี้ด้วย
ทั้งนี้ ความน่าสนใจยิ่งกว่าของการจับมือเป็นพันธมิตรของทั้งสองค่ายคือยอดผู้ใช้งานของแต่ละแพลตฟอร์ม เนื่องจากเอไอเอสมีฐานลูกค้ามากกว่า 40 ล้านราย ขณะที่ LINE นั้น ก็มีฐานผู้ใช้งานในไทยมากกว่า 41 ล้านรายเช่นกัน (Rabbit LINE Pay เป็นส่วนหนึ่งของแอปพลิเคชันแชท LINE) ซึ่งเท่ากับว่าโอกาสที่จะดันให้แพลตฟอร์มจากความร่วมมือในครั้งนี้ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของไทยนั้น มีสูงมากกว่าผู้ให้บริการรายอื่น ๆ ในตลาดนั่นเอง
สมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธากรรมการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า “วิสัยทัศน์ของเราคือ การสร้างสรรค์เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ดังนั้นความร่วมมือในรูปแบบของการเข้ามาร่วมลงทุนใน Rabbit LINE Pay ผ่านทาง mPay ครั้งนี้ ยกระดับการใช้ชีวิตของลูกค้าเอไอเอสและคนไทยทุกคนไปอีกขั้น จากบริการใช้จ่ายเงินอิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นจากวันนี้เป็นต้นไป”
โดยความแข็งแกร่งของ mPay จากเอไอเอสในปัจจุบันคือการเป็น Wallet หรือกระเป๋าสตางค์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถจ่ายบิลได้มากกว่า 200 บริการและมีจุดเติมเงินมากกว่า 100,00 จุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีผลให้ลูกค้าระบบรายเดือน ลูกค้าเอไอเอส ไฟเบอร์ สามารถชำระค่าบัตรเครดิต และการชำระค่าสาธารณูปโภค รวมกว่า 200 รายการผ่านช่องทาง Rabbit LINE Pay นอกจากนี้ลูกค้าเอไอเอสยังสามารถใช้ e-Wallet ของ Rabbit LINE Pay ผ่านทุกช่องทางของเอไอเอสทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น
- ศูนย์บริการ AIS
- ศูนย์บริการ Serenade
- ร้าน Telewiz
- ตู้เติมเงิน AIS
- mPayสเตชั่น
ขณะที่ผู้ใช้บริการ Rabbit LINE Pay ก็สามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าเงิน Rabbit LINE Pay ผ่านทุกช่องทางของเอไอเอสทั่วประเทศ ทั้ง ศูนย์บริการ AIS, ศูนย์บริการ Serenade ร้าน Telewiz ทั่วประเทศเช่นกัน
ด้านอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย เผยว่า ปัจจุบัน 87% ของคนไทยไม่มีบัตรเครดิต ซึ่งหากเป็นในอดีตคนเหล่านี้จะไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้ รวมถึงไม่สามารถเปลี่ยนไปสู่สังคมไร้เงินสดได้ การจับมือกันครั้งนี้ของ mPay และ Rabbit LINE Pay โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครคิตหรือบัตรเดบิต จึงเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นสังคมไร้เงินสดได้อย่างรวดเร็วด้วยอีกทางหนึ่ง
โดยรายละเอียดของบริษัทร่วมทุนใหม่ประกอบด้วยการถือหุ้นของ mPay, ไลน์ เพย์ คอร์ปอเรชั่น และบริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท แรบบิทเพย์ ซิสเทม จำกัด ในสัดส่วน 33.33% เท่ากัน โดย mPay เข้าร่วมทุนผ่านการซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน RLP จำนวน 1,999,998 หุ้น ๆ ละ 393.75 บาท เป็นเงิน 787 ล้านบาท
สำหรับระยะเวลาในการโอนย้ายลูกค้าจาก mPay ไปยัง Rabbit LINE Pay นั้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนนับจากนี้ เนื่องจากต้องมีการขออนุญาตลูกค้าเสียก่อนนั่นเอง
