Lifestyle

Life in Phnom Penh…ถึงเวลาต้องเลือก!!

ปกต๋อย อันนี้

ถึงเวลาต้องเลือกว่าจะอยู่ที่ไหน ระหว่างบ้านตัวเอง หรืออพาร์ทเมนท์อีกหลังที่กำลังสร้าง และทางเลือกสุดท้าย คือ ไปเช่าคอนโดอยู่ เราตัดเรื่องเช่าคอนโดออก เพราะรู้ว่าของที่เราขนมาจากสิงคโปร์เยอะมาก มีโซฟาหลังใหญ่ คงยากที่จะหาคอนโดในตัวเมืองกว้าง ๆ พอที่จะวางโซฟาของตัวเองได้

จากนั้นก็เดินทางไปดูอพาร์ทเมนท์ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้าน อยู่ระหว่างการเก็บรายละเอียด ทำห้องครัว ทาสีห้องนอน ของทุกอย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง เครื่องมือช่างยังวางกระจัดกระจายเต็มบ้าน แม้ว่าอพาร์ทเมนท์หลังนี้จะดูกว้างขวางน่าอยู่ แต่ปัญหาหลักๆคือ มีบันไดขึ้นชั้น 2 ของบ้านตั้ง 2 ฝั่ง แล้วลูกเราก็ซน เรากลัวว่าหัวเขาจะโขกขอบบันได กลัวจะตกบันได กลัวไปหมด

นอกจากนั้นบันไดทางขึ้นอพาร์ทเมนต์ ยังแคบและชันมาก ไม่สามารถเดินสวนกันได้ เวลาเดินต้องเดินเอียงตัวขึ้น เมื่อเห็นลูกเดินด้วยความยากลำบากก็สงสาร ขาลงก็ยากต้องค่อยๆลง ยิ่งมีของพรุงพรังยิ่งต้องระวังให้มากๆ

d88
หันกลับมาดูทางขึ้นบ้านตัวเอง แม้ทางเข้าจะมีแต่ของจากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเต็มไปหมด รวมถึงตรงทางขึ้นบันไดก็มีท่อเดินสายไฟตั้งขวางทำให้มีทางเดินนิดเดียว แต่บันไดขึ้นบ้านกว้างขวาง ไม่ชัน เดินขึ้นลงสบายๆ เดินสวนกันก็ได้ ไม่อันตรายสำหรับลูกเราด้วย และสามีบอกว่า ทุกคนที่อาศัยอยู่ในตึกกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับเจ้าของร้านว่าให้ขนของออกไป และจะปรับปรุงทางเข้าใหม่ แบ่งพื้นที่ไม่ให้วางของในที่สาธารณะ แบ่งพื้นที่จอดรถจักรยานยนต์ให้เป็นสัดส่วน
คิดอยู่หลายวัน ถามลูกหลายรอบว่าลูกชอบที่ไหน ทุกคนก็ปวดหัวกับคำถามนี้อยู่หลายวัน คิดวนไปเวียนมา ถามแล้วก็มองหน้ากัน หัวเราะ แล้วก็ถูกถามกลับกับคำถามเดิมๆ

พวกเราเปรียบเทียบเรื่องขนาดบ้าน บันไดทางขึ้นบ้าน ความสะดวกสบาย ใกล้ตลาด ที่ไหนหากินง่ายกว่า ที่ไหนเงียบกว่า…และ

สุดท้ายก็ได้คำตอบ ทุกคนเลือกบ้านตัวเอง เพราะยังไงเราก็ซื้อแล้ว ให้คนเช่าย้ายออกไปแล้ว ถ้าไม่อยู่ที่นี่ก็ต้องหาคนเช่าใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ ไปอยู่ที่อื่นก็ต้องจ่ายค่าเช่าเค้าอยู่ดี เสียตังค์เพิ่มอีก อยู่แล้วไม่ชอบ…เรื่องใหญ่ไปอีก แต่ถ้าเป็นบ้านของตัวเอง คือมันก็ต้องอยู่ เป็นไงเป็นกัน!!

d101

ช่วงแรก ๆ ต้องทำความสะอาดบ้านกันยกใหญ่ เรียกว่ายกเครื่องใหม่ทั้งหลัง เริ่มติดต่อช่างมาดูไฟ ซ่อมไฟฟ้า เปลี่ยนหลอดไฟ ไม่ต้องไปซื้อที่ไหนไกล เดินลงชั้นล่างนั่นแหละค่ะ (ทะเลาะกันเรื่องที่เก็บของในตึก แต่เราก็เป็นลูกค้า ซื้อไฟไม่รู้กี่หลอดต่อกี่หลอดแล้ว) เอาต้นไม้ที่ตายแล้วออกไป ชั้น 2 ของบ้านมีสระว่ายน้ำเล็ก ๆ ลึกประมาณ 50 ซม. น้ำสกปรกมาก มีใบไม้เต็มไปหมด ต้องเริ่มทำความสะอาด หาคนมาซ่อมเครื่องปั้ม ทำความสะอาดสระ

เริ่มซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าบ้าน เพราะในบ้านมีเพียงตู้เย็นเก่าๆอยู่หลังหนึ่ง กับเครื่องซักผ้าเล็กๆ….. เราและสามีจึงตัดสินใจซื้อตู้เย็นใหม่ เครื่องอบผ้า เพราะไม่อยากตากผ้าที่ระเบียง ฝุ่นเยอะมาก ๆ เวลาเอามาใส่คันยุบยิบไปทั้งตัว เพราะช่วงที่ย้ายเข้ามาเป็นช่วงหน้าที่อากาศเริ่มร้อน ความแห้งแล้งมาเยือน ฝุ่นจึงมีเยอะมาก ตากผ้าไว้พอแห้งก็มีแต่ฝุ่น

ติดต่อช่างมาทำตู้เก็บของในห้องครัว ช่วงแรก ๆ ช่างเยอะมาก เดินกันขวักไขว่ในบ้าน เยอะสุดเกือบ 15 คน เพราะมาในเวลาเดียวกัน ทั้งทำหลังคา ติดตั้งตู้เก็บของในห้องครัว ติดมู่ลี่ ติดตั้งอินเตอร์เน็ต

นอกจากจะต้องดิวงานกับช่างเยอะแยะไปหมดแล้ว เรายังเจอปัญหาอีกมากมายเกี่ยวกับช่างต่างๆ เช่น คุยกันไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจภาษา มาไม่ตรงเวลานี่คือเป็นทุกคน โทรนัดแต่ไม่มา ไม่โทรบอก เงียบหายไปเลย และขณะที่ช่างทำงาน เราต้องคุมตาม มิเช่นนั้นงานพังค่ะ ต้องแก้อีก เสียเวลาไปอีกหลายวัน คนไทยที่อยู่ที่นี่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันค่ะว่า ต้องทำใจ ประมาณว่า “พี่เจอมาหมดแล้ว”

d20
ด้วยความเก็บกดอยากได้ตู้เย็นใหญ่ๆ คนไม่เคยมีตู้เย็นเป็นของตัวเองก็แบบนี้แหล่ะ แต่ลืมคิดไปว่าจะขนขึ้นมาชั้น 3 อย่างไร เพราะบันไดแคบเกินไป แถมตู้เย็นก็หนักมาก ต้องใช้คนเยอะ กลัวขึ้นมาแล้วติดบันได เสียหายร้านก็ไม่รับผิดชอบอีก วิธีที่ดีที่สุดคือ ใช้รถเครนยกขึ้นมาเลยจ้า (ได้รับคำแนะนำนี้จากผู้จัดการร้านขายตู้เย็นนี่แหล่ะค่ะ).. และคาดว่าของทั้ง 80 กล่องจากสิงคโปร์ ส่วนหนึ่งก็คงจะขึ้นมาทางนี้แน่นอน

จากนั้นติดต่อให้ช่างมาทำพื้นระเบียง ติดแผ่นพีวีซีปกปิดร่องรอยความสกปรกของพื้นกระเบื้องที่ระเบียง พื้นห้องนอน ระเบียงอีกที่ต้องปูพื้นใหม่ เพราะเจ้าของใช้กระเบื้องไม่มีคุณภาพเลย ซื้อต้นไม้มาตกแต่งระเบียง เพิ่มความร่มรื่นให้บ้าน รวมถึงทำหลังคาระเบียงทุกที่ เพราะไม่เช่นนั้นเราแทบจะออกไปยืนไม่ได้ แดดร้อนมากๆ ต้นไม้คงตายหมด พวกเราค่อยๆทำไปทีละอย่างสองอย่าง ตามแต่ช่างจะอำนวย

d1
ในระหว่างที่ทำบ้าน ของที่ส่งมาจากสิงคโปร์ก็มาถึง รวมทั้งสิ้น 80 กล่อง มีทั้งชิ้นใหญ่และชิ้นเล็ก ทยอยเปิดทีละกล่อง จัดให้เข้าที่ทีละอย่าง ใช้เวลาราว ๆ 2-3 อาทิตย์กว่าจะเสร็จ เพราะบางอย่างไม่มีที่เก็บ เช่น ตู้เสื้อผ้าที่เจ้าของเดิมทำไว้เล็กมาก ไม่สามารถแขวนชุดยาว ๆ ได้ แขวนได้แต่เสื้อ ของในครัวก็ต้องรอตู้ให้เสร็จ

ผ่านไปแล้ว 1 เดือนกว่า งานบ้านก็ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ ตู้เสื้อผ้ายังไม่ได้ทำ ติดต่อช่าง ดูราคาและคุณภาพ ราคาแตกต่างกันเหลือเกิน คุณภาพดีแต่แพงมากๆ ส่วนของถูก เมื่อดูวัสดุที่ใช้แล้วก็ไม่อยากได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่านาน ๆ ไปจะเป็นยังไง จึงเลือกไม่ได้สักที แต่พวกเราไม่นีบก็หากันต่อไป

d18
พูดถึงเรื่องการขนส่งจากสิงคโปร์มาพนมเปญ…..สินค้าหลายอย่างเราเสียหาย โดยเฉพาะถ้วยชาม จานเราแตกทั้งหมด แตกแบบละเอียดยิบ หม้อดินหูขาด ชามแตก พนักงานแพ็คของจากสิงคโปร์ ซ้อนถ้วยแก้วแล้วห่อรวมกัน ทั้ง ๆ ที่เข้าไปเตือนแล้วว่าอย่าทำ ให้ใช้วิธีห่อทีละใบ แต่ก็ยังทำโชคดีไม่แตก ส่วนโถ่แก้วสำหรับอบขนม วางไว้เฉยๆ ในกล่องรวมกับแป้งทำขนม ไม่มีการห่อใด ๆ ก็นับว่าโชคดีอีกที่ไม่แตกเสียหาย น้ำหอม Burberry ใหม่ ยังไม่ได้แกะ ขนาด 100ml 2 กล่อง หายอย่างไร้ร่องรอย เปิดจนครบ 80 กล่องก็ยังหาของไม่เจอ

ย้ายบ้านบ่อยก็ต้องทำใจ ย้ายแต่ละครั้งมักจะมีข้าวของเสียหายประจำ แต่รอบนี้ถือว่าหนักที่สุด นอกจากไม่มีประกันแล้ว ของแตกเสียหาย ยังมีของหาย ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ขโมยในคราบคนทำงาน น่าปวดใจสุดๆ

d19

ย้ายบ้านรอบนี้อาจไม่เหมือนครั้งที่ผ่านๆมา ปกติย้ายเข้าคอนโด พอของมาก็แค่จัดเก็บ ไม่เกิน 2-3 อาทิตย์ก็เรียบร้อย แต่ครั้งนี้เป็นการย้ายเข้าบ้านตัวเอง (ในต่างแดน) แม้จะเป็นบ้านเก่าที่ต้องทำการรีโนเวทหลายอย่าง แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างเยอะ ทำให้พวกเราต้องค่อยๆคิด และตัดสินใจ งานบางอย่างมีราคาสูง ทั้งวัสดุอุปกรณ์และค่าแรง เนื่องจากกัมพูชาต้องนำเข้าทุกอย่าง จากไทย เวียดนาม และจีน

งานนี้คาดว่าคงจะใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง เพราะยังมีโปรแจ็คที่จะต้องทำอีกมากมาย รวมทั้งปัญหาใหม่ๆที่มักจะเกิดขึ้นรายวันให้เราปวดหัวเล่น….

 

Life in Phnom Penh…วันแรก

Avatar photo
Dozo Toy Life in Phnom Penh