จากกรณีความขัดแย้งทางธุรกิจดาราสาวชื่อดัง “แคทรียา อิงลิช” กับ นางแบบสาว “เมเปิ้ล พัชชุดาญ์” ดูท่าจะยืดเยื้อเคลียร์กันไม่ลงตัว หลังจากฝั่งของ เมเปิ้ล ออกมาแจงว่า แต่ละคนลงทุนไปเท่าไหร่ แล้วขาดทุนร่วมกัน พร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่ได้มีการโกงกัน ขณะที่ฝั่งของ แคทรียา ก็ขอพูดบ้างว่าต้องขอความชัดเจนจากอีกฝ่าย เพราะตั้งแต่ลงทุนไปไม่เคยเห็นเงินเข้าสักบาท หวังว่าจะเคลียร์กันได้ และไม่เคยพูดว่าใครเป็นคนโกงใคร
ล่าสุด (20 เม.ย.) เมเปิ้ล พัชชุดาญ์ ก็ได้ออกมาโพสต์อินสตาแกรม @maples_s ร่ายยาวชี้แจงถึงเรื่องราวทั้งหมดเป็นข้อ ๆ อีกครั้ง โดยระบุว่า “ขอใช้พื้นที่ส่วนตัว ในการอธิบายข่าวที่ออกมานะคะ วันก่อนเมเปิ้ลให้สัมภาษณ์ไปแล้ว ตามที่เมเปิ้ลได้พูดไปทั้งหมด วันนี้ขอย้ำนะคะ
ว่าข่าวที่ออกมาว่าเมเปิ้ลโกงเงิน เรื่องนั้นไม่เป็นความจริงเลย!!! แล้วก็ชัดเจนและบริสุทธิ์ใจ โปร่งใสมาตลอดในทุก ๆ เรื่อง รวมถึงเรื่องเอกสารหลักฐานทั้งหมดได้โชว์ และให้ทนายทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงตัวเมเปิ้ลเองและพี่เค้าดูแล้ว ในวันที่มีการนัดประชุมกัน ตอนนี้ก็รอทนายทั้ง 2 ฝ่ายตรวจเอกสาร และยินดีพร้อมที่จะแถลงข่าวพร้อมกันค่ะ
ในสิ่งที่ทุก ๆ คนที่ได้ยินได้เห็นข่าว อย่าเพิ่งตัดสินว่าใครผิดถูก ถ้าไม่รู้ความจริง อย่าตัดสินคนอื่นเพราะฟังความข้างเดียว นางร้ายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ร้ายเสมอไป
ที่ต้องออกมาพูดมาเขียน เพราะอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจ และปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง ในคำครหาหรือข่าวต่าง ๆ ที่ออกมา มันทำให้เราเสียหายเป็นอย่างมาก รวมถึงทั้งครอบครัวเราด้วย อีกอย่างเราก็ยังเป็นคนของสังคม ยังต้องมาหากิน ถ้ามีข่าวเสียหายทางด้านนี้ ใครจะอยากทำธุรกิจด้วย ใครอยากจะเป็นเพื่อนกับเราอีก!!! #นางร้ายก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ร้ายเสมอไป #คนอย่างฉันไม่เคยโกงใคร #ชัดเจนโปร่งใสและบริสุทธิ์ใจ”
เงิน 4 ล้านหายไปไหน??? ตามนี้เลยค่ะ หนิง อารีวรรณ มีกำปัง ทนายของเมเปิ้ล เปิดใจค่อนข้างละเอียด ดังนี้ เริ่มแรก คุณเปิ้ลทำธุรกิจทำเล็บ ทำสปา เล็ก ๆ อยู่ก่อนแล้วแบบส่วนตัว ไม่จดทะเบียนบริษัท ลงทุนไป 2,000,000 ส่วนคุณแคทเข้ามาเป็นลูกค้า สนใจธุรกิจขอเข้ามาร่วมหุ้นด้วย ตอนแรกเปิ้ลยังไม่ตกลง แต่เพราะเห็นคุณแคทต้องการทำธุรกิจจริง ๆ จึงให้เข้ามาลงทุนกันครั้งแรก 1,000,000 บาท
หลังจากนั้น ขยายกิจการมาเช่าย่านอาร์ซีเอ RCA จึงมีการจดทะเบียนบริษัทขึ้น ทั้งสองคนลงชื่อก่อตั้งบริษัทด้วยกัน โดยมีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท คุณแคทลงชื่อด้วยตนเอง รับทราบทุนจดทะเบียนมาแต่แรก ประเด็นเรื่องไม่รู้การจดทะเบียนบริษัท ขัดแย้งกับเอกสาร การจดทะเบียนของกระทรวงพาณิชย์
2. การเช่าสถานที่ใหม่ ต้องปรับปรุงสถานที่ ทั้งสองฝ่ายลงทุนเพิ่ม ทั้งอุปกรณ์ และจ้างพนักงาน ตกแต่งร้าน คุณแคทจ้างผู้รับเหมามาเอง ซึ่งทราบว่ามีการเสียค่าใช้จ่ายไปหลายล้านบาท รวม ๆ กันก็คนละประมาณ 4 ล้าน เงินตอนแรกบริหารร่วมกัน มีการลงชื่อร่วมกันซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ คุณแคททราบอยู่แล้ว ตลอดจนค่าจ้างพนักงาน
3. เรื่องโกงคงไม่ใช่ เพราะหลังจากมีสถานการณ์โควิด ร้านถูกปิด ลูกค้าไม่กล้าใช้บริการ เปิ้ลแบกภาระคนเดียว จนกระทั่งถูกพนักงานฟ้อง เป็นคดีแรงงาน ไม่มีรายได้ แต่แบกค่าเช่า ค่าพนักงาน ตลอด 1 ปี ลำพัง
4. คุณแคทไม่มาร้านอีกเลย จนกระทั่งขอปิดกิจการ เพราะไม่ไหว คุณแคทเสนอขายหุ้น 2 ล้าน แต่ทางเรารับไม่ได้ เพราะไม่มีเงินแล้ว จึงขอปิดบริษัท มีการเชิญประชุม ก่อนคุณแคทออกข่าว มีมติเลิกบริษัทแล้ว
5. เมื่อต้องปิด มีการขายทรัพย์สิน และนำมาใช้หนี้ ตลอดจนค่าแรงพนักงานที่ฟ้อง ที่ศาลแรงงาน ปัจจุบันเปิ้ลเคลียร์หนี้หมดแล้ว
6. สุดท้าย คุณแคท คุณเปิ้ล ทนายเจมส์และทนายหนิง เข้าประชุมร่วมกัน สรุปบัญชี ภาระหนี้สิน เข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณแคทเข้าใจดีถึงธุรกิจที่มันเจ๊งจากภาวะเศรษฐกิจ และโรคระบาดโควิด ปัจจุบันเรื่องบริษัทใกล้เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ให้สำนักงานบัญชีทำเอกสาร ชำระบัญชีให้เสร็จ และยื่นจดเลิกบริษัท ที่กระทรวงพาณิชย์ ทั้งสองฝ่ายยังคงคุยกันได้ ปกติค่ะ”
สุดท้ายถามว่าเงิน 4 ล้าน ฝั่งโน้นหายไปไหน แล้วไม่ถามบ้างหรือคะ ว่าทางนี้เงินหายไปไหนมากกว่าถึง 6 ล้าน ส่วนต่างใครเป็นคนรับผิดชอบ ไม่ใช่ เมเปิ้ลหรอคะ!!!”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- พอร์ช เคลื่อนไหว! ลั่น ไม่เคยร้ายใส่ใครก่อน ถ้าวันหนึ่งต้องร้าย ขอให้รู้ว่าไม่ได้เริ่ม
- มิว นิษฐา ท้อง 4 เดือนเริ่มชัดแล้ว ว่าที่คุณแม่ยิ่งมีลูกยิ่งสวย รอลุ้นชายหรือหญิง