Economics

ครม.เคาะขยายเวลาใช้เงินเราชนะยาวถึง 30 มิ.ย. เงินสะพัด 2 แสนล้าน!

“กระทรวงการคลัง” เผยที่ประชุมครม.ไฟเขียวขยายระยะเวลาการใช้จ่ายเงินโครงการ “เราชนะ” จาก 31 พฤษภาคม 2564 เป็น 30 มิถุนายน 2564 ล่าสุดมียอดใช้จ่ายเงินแล้ว 200,353 ล้านบาท

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 เห็นชอบให้ขยายระยะเวลา การใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ของโครงการเราชนะ ออกไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 จากเดิมที่สามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ได้ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เพื่อบรรเทาผลกระทบ ให้ประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางออกไปใช้จ่าย ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 ระลอกใหม่

โฆษกกระทรวงการคลัง เน้นย้ำว่า ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้รับเบาะแส เกี่ยวกับการทุจริตของประชาชน หรือผู้ประกอบการร้านค้า หรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วม “โครงการเราชนะ” โดยมีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เช่น การแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้ประสานขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตาม และตรวจสอบ

ทั้งนี้ โดยหากตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือ แอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้า และดำเนินการตามกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอความร่วมมือประชาชน ในการรักษาสิทธิ์ของตนเอง และขอให้ผู้ประกอบการร้านค้า และผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการ ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการ

ส่วนประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรม ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการ สามารถแจ้งเบาะแส รวมถึงส่งหลักฐานการกระทำผิดเงื่อนไขโครงการ ทางไปรษณีย์มาที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) : [email protected]

เราชนะ

นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ได้แถลงเพิ่มเติม ถึงความคืบหน้าของโครงการ ณ วันที่ 20 เมษายน 2564 ดังนี้

1. ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 73,197 ล้านบาท

2. ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น และยืนยันการใช้สิทธิ์ ร่วมโครงการแล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 113,010 ล้านบาท

3. ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.3 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 14,146 ล้านบาท ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.8 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียน ในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 200,353 ล้านบาท 

ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้า และผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.3 ล้านกิจการ

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ขยายกลุ่มเป้าหมายและกรอบวงเงินของโครงการเราชนะ เพิ่มอีก 2.4 ล้านคน จากกลุ่มเป้าหมายเดิม 31.1 ล้านคน เป็น 33.5 ล้านคน ซึ่งต้องใช้วงเงินเพิ่มขึ้น 3,042 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากกรอบวงเงินไม่เกิน 210,200 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 213,242 ล้านบาท และขยายระยะเวลาใช้วงเงินสนับสนุนสำหรับผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ จากสามารถใช้จ่ายได้ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 เป็น 30 มิถุนายน 2564

โดยให้กรมบัญชีกลาง อนุมัติเบิกจ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการ ร้านค้า ที่เข้าร่วมโครงการ ตามที่ผู้ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ ได้ใช้จ่ายจริง เป็นรายวันและกรณีที่กรมบัญชีกลางโอนเงินให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้าไม่สำเร็จ ให้ดำเนินการติดตามเพื่อโอนเงินซ้ำภายในวันที่ 24 กันยายน 2564 ส่วนกรณีที่มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลการทบทวนสิทธิ์ที่อาจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงให้ สศค.ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับแจ้งจากประชาชนภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2564

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo