Politics

‘บิ๊กตู่’ โต้โซเชียล!! ยันไม่เคยปิดกั้นเอกชนจัดหาวัคซีน สั่งเอาผิดสถานบันเทิง!

“นายกรัฐมนตรี” โต้โซเชียล!! ยืนยันรัฐบาลไม่เคยปิดกั้นเอกชนจัดซื้อวัคซีนโควิด วอนประชาชนเข้าใจกระบวนการ พร้อมสั่งให้ดำเนินคดีสถานบันเทิงที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียโจมตีว่า รัฐบาลไม่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 โดยยืนยันว่า รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมาโดยตลอด ซึ่งไม่เคยปิดกั้นเอกชนในการจัดหาวัคซีนทางเลือก และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อหารือกับโรงพยาบาลเอกชนและผู้เชี่ยวชาญ ในการหาข้อมูลความรู้ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ได้วัคซีนทางเลือกเข้ามาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากการนำเข้าของเอกชนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทางผู้ผลิตวัคซีนของต่างประเทศก็จะต้องขออนุญาตรัฐบาลเช่นกัน ยืนยันรัฐบาลไม่ผูกขาดการจัดซื้อวัคซีน แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างปลอดภัย ขณะที่ของไทยก็ดำเนินการติดต่อจัดหาวัคซีนแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล

ประยุทธ์204641

ส่วนการจัดหาวัคซีนของไทยในระยะแรกนั้น เป็นการสั่งโดยประเมินจากสถานการณ์ที่ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี จึงจัดหาตามสถานการณ์ ประกอบกับรัฐบาลไม่อยากให้ประชาชนมีความเสี่ยง เพราะวัคซีนเหล่านั้นยังไม่ได้มีการพิสูจน์ทราบ แต่ขณะนี้เมื่อมีการพิสูจน์แล้วจึงเปิดช่องทางให้วัคซีนหลายยี่ห้อได้เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งจะต้องหาช่องทางติดต่อบริษัทต่างๆ ว่าจะจัดซื้อได้อย่างไรบ้าง

นายกรัฐมนตรี ยังขอให้ประชาชนเข้าใจในกระบวนการจัดซื้อวัคซีน โดยยืนยันว่า ไม่ใช่การจัดหาล่าช้าหรือจำนวนน้อยเกินไป เพราะทุกอย่างพัฒนาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่อยากให้ประชาชนมีความเสี่ยงในช่วงแรกที่มีการพัฒนาวัคซีนออกมา ซึ่งหลายประเทศก็ประเมินเช่นเดียวกันกับไทย

ส่วนการบริหารจัดการฉีดวัคซีนโควิด-19 นั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลเร่งรัดให้ดำเนินการฉีดให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุดตามโควต้าที่มีอยู่ในทุกจังหวัดและย้ำว่าต้องทั่วถึง เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ขณะเดียวกันรัฐบาลได้เตรียมจัดหาวัคซีนสำรองในระยะต่อไปด้วย เพื่อให้มีความเพียงพอ แต่ย้ำว่าในส่วนของการดำเนินการ ไม่สามารถจัดซื้อวัคซีนได้ง่ายเหมือนกับจัดซื้อยาตามปกติ เนื่องจากเป็นวัคซีนที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ที่ผู้ผลิตของบริษัทเอกชนจะไม่รับผิดชอบในกรณีที่เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียง ดังนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องเป็นผู้จัดหาเองในระยะแรก

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้าถึงวัคซีน ภายใต้แอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ของกระทรวงสาธารณสุข ว่าจะเริ่มให้ลงทะเบียนในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากต้องมีการเตรียมการเพื่อให้เข้าถึงประชาชนทั้งประเทศโดยเร็ว จะได้ดูตัวเลขว่าประชาชนมีความพร้อมเข้าถึงวัคซีนในจำนวนเท่าใด ซึ่งขณะนี้ไทยนำเข้าวัคซีนมากกว่า 2 ล้านโดสแล้ว ในส่วนของวัคซีนที่จะเข้ามาในประเทศไทย ได้มีการประมาณการเอาไว้ว่าวันที่ 24 เมษายนนี้ วัคซีนของซิโนแวคจะเข้ามาอีก 5 แสนโดส เดือนพฤษภาคม วัคซีนซิโนแวคเข้ามา 1 ล้านโดส แต่ต้องรอนโยบายที่ชัดเจนของรัฐบาลจีนก่อน

ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า ที่ผลิตในไทยจะทยอยส่ง 4- 6 ล้านโดสและเพิ่มจำนวนในเดือนกรกฎาคมจนถึงสิ้นปี จำนวน 61 ล้านโดส และหากรวมกับวัคซีนทางเลือกที่จะหาเข้ามาเพิ่มเติมเชื่อมั่นว่าจะเพียงพอ ขณะเดียวกัน สถาบันวัคซีนแห่งชาติจะเจรจากับไฟเซอร์ และมีความเป็นไปได้ว่าจะส่งในเดือนกรกฎาคมจนถึงสิ้นปีจำนวน 5 – 10 ล้านโดส ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาใบเสนอราคา และเงื่อนไขของการนำเข้า

“แผนการจัดหา “ยาฟาวิพิราเวียร์” ที่หลายคนเข้าใจว่าประเทศไทยขาดแคลน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลได้เตรียมจัดการสำรองเอาไว้แล้ว โดยในเดือนเมษายนและพฤษภาคมจะจัดหาเพิ่มเติมอีก 2 ล้านเม็ด และพฤษภาคมถึงมิถุนายนอีก 1 ล้านเม็ด และ มิถุนายนถึงกรกฎาคมอีก 5 แสนเม็ด เพื่อให้ครบ 3 ล้าน 5 แสนเม็ด ซึ่งวันนี้ยืนยันว่าเพียงพอ ในขั้นต้นสำหรับการรักษา ซึ่งจะต้องประเมินสถานการณ์รายวัน และเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้าย ก็ต้องเพิ่มมาอีก ทุกอย่างต้องมีแผนเป็นขั้นเป็นตอน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

รพ.สนาม1246435

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า โรงพยาบาลสนามจะต้องมีการเตรียมพร้อมในทุกพื้นที่ และหากไม่เพียงพอก็จะต้องมีการดำเนินการเพิ่มเติม ทั้งนี้หลายคนอยากจะพักรักษาตัวในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน แต่เตียงมีไม่เพียงพอ และจะต้องรองรับผู้ป่วยโรคอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นขอให้ทุกคนเข้าใจ หากจำเป็นจะต้องเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลสนาม

“ยืนยันดูแลบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อ โควิด-19 อย่างเต็มที่ เพราะมีการติดเชื้อมาจากการปฎิบัติหน้าที่ ส่วนการลงโทษ ผู้ประกอบการสถานบันเทิงที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดนั้น ยืนยัน ไม่ได้นิ่งนอนใจและให้มีการตรวจสอบหาเจ้าของสถานบันเทิงที่แท้จริง เพื่อดำเนินคดีต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราจะต้องชนะโควิดไปด้วยกัน พร้อมขอโทษที่บางครั้งพูดข้อมูลในบางเรื่องผิดไป โดยระบุว่าตนเองนั้นเป็นคนคิดเร็ว พูดเร็ว อาจจะพูดผิดบ้างถูกบ้าง ขอให้ทุกคนเข้าใจ สิ่งใดไม่ดีก็ขอโทษและอะไรที่ดีก็ขอให้ร่วมมือ ยืนยันยึดหลักการจะทำให้ประเทศดีขึ้นและเดินหน้าแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการประชุมสุดยอดผู้นำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในวันที่ 24 เมษายนนี้ ว่า ตนเองไม่ได้เข้าร่วม โดยให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วม ซึ่งหลายประเทศได้ส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมเช่นกัน

ส่วนสถานการณ์ในเมียนมาเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อน ตนจึงไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ยืนยันว่ารัฐบาลได้ดำเนินการในหลายช่องทาง เพื่อให้สถานการณ์สงบโดยเร็วที่สุดในฐานะประเทศอาเซียนด้วยกัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo