Politics

เช็คที่นี่! ชงศบค.ปิดสถานที่ – ห้าม – งดกิจกรรมอะไรบ้างวันนี้

พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด เสนอศบค.ชุดใหญ่วันนี้ เคาะพื้นที่สีแดง 18 จังหวัด ปิดสถานบันเทิง ผับ,บาร์,อาบ อบนวด ทุกจังหวัด ปิดสวนสนุก งดกิจกรรมต่างๆ ลดการแพร่ระบาดโควิด-19  บังคับใช้ 2 สัปดาห์ หลังสงกรานต์

ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2564 ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน โดยมีนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กลาโหม มหาดไทย แรงงาน ศึกษาธิการ การต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ UHOSNET โรงพยาบาลเอกชน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์และสาธารณสุข ผู้แทนสภาวิชาชีพและองค์กรอิสระ ร่วมการประชุมและประชุมทางไกล

นายอนุทิน กล่าวว่าตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 มีจุดเริ่มต้นจากสถานบันเทิง กระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ในวันนี้มีผู้ติดเชื้อ 1,543 ราย ที่ประชุมจึงได้ร่วมกันพิจารณา เสนอแนะมาตรการที่เหมาะสม ยกระดับการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ช่วงหลังสงกรานต์ ป้องกันผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการแพร่เชื้อไปยังครอบครัว กลุ่มเพื่อน ที่ทำงาน และสถานที่อื่นๆ เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้โดยเร็ว ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ ลดการเสียชีวิต และลดผลกระทบระบบสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม เมื่อโรคสงบลง จะกลับมาฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวต่อไป

โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบการกำหนดพื้นที่ควบคุมโรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน  โดยดูจากสถานการณ์ในจังหวัด ความเสี่ยงในการระบาด โดยปรับพื้นที่จังหวัดเป็น 2 ระดับ ดังนี้

พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด

พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด ประกาศวันนี้

1. พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 18 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม ภูเก็ต นครราชสีมา นนทบุรี สงขลา ตาก อุดรธานี สุพรรณบุรี สระแก้ว ระยอง และขอนแก่น

2. ส่วนที่เหลือ 59 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) และยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรค เพื่อลดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ดังนี้

1. ปิดสถานบันเทิง ผับ,บาร์,อาบ อบนวด ทุกจังหวัด

2. ร้านอาหาร นั่งรับประทานในร้านได้ งดจำหน่ายและงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพื้นที่สีแดงเปิดไม่เกินเวลา 21.00 น. สีส้มเปิดไม่เกิน 23.00 น.

3. งดกิจกรรมที่มีคนรวมกลุ่มกันเกิน 50 คน กรณีที่จำเป็นให้ขออนุญาตต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร

4. งดกิจกรรมงานเลี้ยง สังสรรค์ ยกเว้นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน

5. งดการเรียนการสอนในห้องเรียน

6. ปิดสวนสนุก และงดเล่นเครื่องเล่นในห้างสรรพสินค้า

นอกจากนี้ ขอความร่วมมือภาคเอกชน Work from Home ให้มากที่สุด เข้มมาตรการองค์กร DMHTT คือ การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือบ่อยๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนไทยชนะ/ หมอชนะ แยกกันรับประทานอาหาร ผู้ที่เดินทางไปต่างจังหวัดขอความร่วมมือ Work from Home สังเกตอาการ 14 วัน และมาตรการอื่น ๆ เป็นไปตามข้อกำหนดใน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548

ทั้งนี้จะเสนอ มติจากที่ประชุมฯ ต่อคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  หรือศบค. เพื่อพิจารณาในวันนี้ (16 เม.ย.)

ลุ้นประกาศ เคอร์ฟิว บางจังหวัดวันนี้ 

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า คิดว่ายังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคน เนื่องจากที่ผ่านมาเคยใช้มาแล้ว เพราะไม่ใช่แค่การประกาศใช้กฎหมาย หรือบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว แต่มีการออกข้อกำหนด สั่งห้าม เพิ่มเติมด้วย  ต้องรอผลการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันนี้(16 เม.ย.)

พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด

ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวนั้น นายวิษณุ กล่าวว่าเห็นว่าบางจังหวัดมีความเป็นไปได้ที่จะประกาศเคอร์ฟิว ส่วนตัวยังไม่กล้าเปิดเผย ต้องรอที่ประชุม ศบค.ก่อน ว่าจะเสนอในประเด็นนี้หรือไม่ แต่มองว่ายังไม่เห็นความจำเป็นเท่าไหร่ การใช้มาตรการยกระดับพื้นที่สีต่างๆ ยังเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในขณะนี้

ยอมรับว่าฝ่ายหมอ และสาธารณสุข รายงานมายังรัฐบาลให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็ง รุนแรง และเด็ดขาด แต่ทางฝ่ายเศรษฐกิจขอประเมินผลกระทบก่อน โดยเฉพาะช่วงหลังสงกรานต์ 1-2 วันนี้ ว่าจะมีความสัมพันธ์กับมาตรการที่จะบังคับใช้ใหม่อย่างไร  จะออกมาในแนวทางพบกันครึ่งทางคือ การใช้วิธีเพิ่มสีให้เข้มขึ้น โดยบางพื้นที่อาจจะต้องยกระดับจากพื้นที่สีส้ม เป็นพื้นที่สีแดง  

อ่านข่าวเพิ่มเติม

 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight