กฟผ.ซื้อซีพีโอใช้โรงไฟฟ้าบางปะกง-ราชบุรีแทนน้ำมันเตา 3 เดือน ดูดซับน้ำมันปาล์มดิบในประเทศ 1.6 แสนตัน พลังงานดันบี 20 ใช้ในรถขสมก.-บขส.ทุกคันสิ้นเดือนนี้ หวังดึงราคาปาล์มขึ้นให้ถึง 3.50 บาทต่อกก.
ดร. ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าขณะนี้กระทรวงพลังงานออกมาตรการฉุกเฉินในการนำน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ)มาใช้เป็นพลังงานเพิ่มเติม โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซื้อซีพีโอไปใช้ในโรงไฟฟ้า 2 แห่งประกอบด้วย โรงไฟฟ้าบางปะกง และราชบุรี ซึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก และใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงผสมในช่วงก๊าซฯขาด โดยให้ใช้ซีพีโอแทนน้ำมันเตา ซึ่งมาตรการนี้เป็นมาตรการชั่วคราวประมาณ 3 เดือน รวมดูดซับซีพีโอ 1.6 แสนตัน
อย่างไรก็ตาม ทำให้เกิดค่าใช้จ่าย 1,000 ล้านบาท ต้นทุนค่าไฟฟ้าต่อหน่วยเพิ่ม 20-30 สตางค์ แต่เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าไฟฟ้า ทางกฟผ.จะรับภาระไปรวม 500 ล้านบาท อีก 500 ล้านบาท ใช้จากงบกลางปี 2562 เพื่อให้ค่าไฟฟ้าที่เก็บกับประชาชนไม่เพิ่มขึ้น หรือ อยู่ในระดับเดิมที่ 3.60 บาทต่อหน่วย
“การนำซีพีโอมาใช้กับทั้งสองโรงไฟฟ้า เพราะมีประสิทธิภาพสูงสุด และมีกำลังผลิตรวมกันกว่า 1,500 เมกะวัตต์ สามารถนำน้ำมันปาล์มดิบมาใช้แทนน้ำมันเตาได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องจักร”
นอกจากมาตรการดังกล่าว ก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ยังมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อดึงราคาซีพีโอ เพื่อนำมาผลิตเป็นพลังงาน ใน 2 ส่วน ประกอบด้วย
1.เพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว จาก 6.6% ในปัจจุบัน เป็น 6.9 % ซึ่งจะสามารถช่วยดูดซับซีพีโอ เพิ่มขึ้นอีก 80,000 ตันต่อปี โดยขั้นต้นจะบังคับใช้มาตรการเพิ่มสัดส่วนเป็น 6.8% ก่อน ซึ่งมีผลทันที 8 พฤศจิกายน 61 เป็นต้นไป
2.ร่วมมือกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และ บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) ใช้น้ำมันดีเซล บี 20 ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลอง ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 เดือน โดยมีแผนงานใช้น้ำมันบี 20 ในรถขสมก.และบขส.ทุกคันภายในสิ้นปีนี้ ทำให้มียอดการใช้บี 20 เพิ่มอีก 7 ล้านลิตรต่อเดือน ส่งผลให้ประมาณการใช้น้ำมันบี 20 ในเดือนธันวาคม เป็น 20 ล้านลิตรต่อเดือนทั้งนี้ตามแผนงานทั้งหมดจะช่วยดูดซับซีพีโอ รวม 2.25 ล้านตันต่อปี จากปริมาณการผลิตซีพีโอในประเทศประมาณ 2.5 ล้านตันต่อปี
“เราหวังว่ามาตรการนำซีพีโอมาใช้เป็นเชื้อเพลิง จะช่วยดึงราคาผลผลิตปาล์มที่ตกต่ำลงจาก 3 บาทต่อกก.เป็น 3.5 บาทต่อกก.ได้ ” ดร.ศิริ กล่าว
สำหรับมาตรการช่วยเหลือราคาน้ำมันผันผวนนั้น ดร.ศิริ ระบุว่า ราคาน้ำมันเริ่มลดลง เพราะสหรัฐผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร แต่ก็ยังต้องตามติดสถานการณ์ต่อไป และหากราคาน้ำมันยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศก็มีแนวโน้มลดลงได้อีก เพราะปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ในภาวะสมดุล อยู่ที่ 23,500 ล้านบาท ปัจจุบันมีภาระจากการดูแลก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) 500 ล้านบาทต่อเดือน
สำหรับมาตรการให้ส่วนลดค่าน้ำมันกับมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น คาดว่าประมาณ 15 ธันวาคมนี้จะเริ่มให้ส่วนลด 3 บาทต่อลิตรได้ ทั้งนี้จากข้อมูลมีมอเตอร์ไซด์รับจ้างทั้งประเทศรวม 1.9 แสนคัน 1 แสนคันในกทม.และ 90,000 คัน มีบัตรสวัสดิการประมาณ 40,000 คน อยู่ในกทม.8,500 คน อีก 31,500 คนอยู่ในต่างจังหวัด
ทางด้านการประมูลสัมปทานปิโตรเลียม แปลง G1/61 (เอราวัณ) และ G2/61 (บงกช) ดร.ศิริ ระบุว่า สัปดาห์นี้จะเปิดซองที่ 4 ซึ่งเป็นซองเอกสารข้อเสนอด้านผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ และสัดส่วนการจ้างพนักงานไทย จากนั้นในสิ้นเดือนพฤศจิกายนจะมีการนำผลการพิจารณาเข้าสู่คณะกรรมการปิโตรเลียม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และคณะรัฐมนตรีต่อไป
