COVID-19

‘ตีความผิด’ จีนยัน ไม่ได้บอก ‘วัคซีนโควิดจีน’ ด้อยประสิทธิภาพ

การที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน ออกมายอมรับว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของจีน มีประสิทธิภาพต่ำนั้น ทำให้เกิดความกังวลแพร่กระจายไปทั่วโลก และยังทำให้ชาติต่างๆ ไล่ตั้งแต่บราซิล ไปจนถึง ฮังการี ที่ใช้วัคซีนของจีน ในการป้องกันโรค พากันเกิดข้อกังขาขึ้นมา รวมถึง ยังมีคำถามเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนในประเทศจีนเองด้วย

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ สื่อพากันประโคมข่าวว่า นายเกา ฟู่ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคระบาดของจีน ยอมรับว่า วัคซีนป้องกันโควิดของจีน ที่มีอยู่ในปัจจุบัน “ป้องกันเชื้อไม่ได้สูงมากนัก” พร้อมระบุว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาว่า ควรใช้ร่วมกับวัคซีนที่ผลิตด้วยเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหรือไม่

shutterstock 1941305902

ถ้อยแถลงดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรก ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนออกมายอมรับว่า วัคซีนของตนมีประสิทธิภาพต่ำ หลังก่อนหน้านี้ ผลการทดสอบที่บราซิล พบว่าวัคซีนของบริษัทซิโนแวค มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ที่ 50.4% เกินกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่า 50% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เทียบกับวัคซีนโควิดที่ “ไฟเซอร์” พัฒนาร่วมกับ “ไบโอเอ็นเทค” ซึ่งสามารถป้องกันได้ถึง 97%

จีนพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ขึ้นมาถึง 4 ยี่ห้อด้วยกัน และได้รับการอนุมัติให้นำไปใช้งานได้ โดยวัคซีนสัญชาติจีน ใช้เทคโนโลยีเชื้อตาย (DNA) ขณะที่บริษัทผลิตวัคซีนในตะวันตก ใช้เทคโนโลยีการตัดต่อสารพันธุกรรม (mRNA)

นับถึงขณะนี้ มีชาวจีนกว่า 100 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว ในขณะที่รัฐบาลปักกิ่งยืนกราน ไม่อนุญาตให้ฉีดวัคซีนต่างชาติในประเทศจีน

อย่างไรก็ดี หลังถ้อยแถลงดังกล่าวของนายเกา กลายเป็นข่าวดัง จนกลายเป็นไวรัล และกระจายไปทั่วโลกโซเชียลนั้น ในเวลาต่อมา นายเกา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ กับหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ ของรัฐบาลจีนว่า มีการตีความถ้อยแถลงของเขาผิดไป โดยสิ่งที่เขาพูด เป็นเพียงแค่ การแนะนำถึงวิธีการต่าง ๆ ที่จะช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของวัคซีนเท่านั้น

นายเกาบอกว่า เขาแนะนำให้ฉีดวัคซีนเสริม หลังการฉีดวัคซีนไปแล้ว และนำวัคซีนต่างประเภทกัน มาผสมกัน เพื่อช่วยจัดการกับปัญหาด้านประสิทธิผลของวัคซีนได้

ที่ผ่านมา ผู้พัฒนาวัคซีนสัญชาติจีน มักโดนวิจารณ์เกี่ยวกับความไม่โปร่งใส และการไม่มีพันธมิตรต่างชาติเข้าร่วม ในการเผยแพร่ข้อมูลการทดลองฉบับเต็ม บนวารสารทางการแพทย์ต่าง ๆ

โดยผลการศึกษาล่าสุดจากบราซิลนั้น เกิดขึ้น 3 เดือน หลังจากที่มีการเปิดเผยรายงานประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวคครั้งแรกออก ขณะที่ ซิโนฟาร์ม บริษัทของรัฐบาลจีนเอง ก็ยังไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลทดลองระยะ 3 ที่เป็นฉบับเต็ม ของวัคซีนป้องกันโควิด 2 ตัว ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมา

ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาวัคซีนของซิโนแวค ที่ทำขึ้นในตุรกี กับกลุ่มทดลองมากกว่า 10,000 คนนั้น ระบุว่า วัคซีนของบริษัทเวชภัณฑ์จีนมีประสิทธิภาพที่ระดับ 83.5% นั้น ยิ่งทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้มากยิ่งขึ้น

แต่ซิโนแวค ผู้ผลิตวัคซีนสัญชาติจีน ระบุว่า ประสิทธิภาพในการป้องกันของวัคซีน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ วัยของผู้รับวัคซีน และสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ หากทิ้งระยะเวลาการฉีดวัคซีนระหว่างเข็มที่ 1 กับเข็มที่ 2 มากเท่าใด ก็จะยิ่งได้ผลดีมากขึ้นเท่านั้น จึงมีคำแนะนำให้เพิ่มระยะห่างของการฉีดวัคซีน 2 เข็มจากเดิม 14 วัน เป็น 21 วัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo