Business

‘ค้าปลีก’ หวังวัคซีน เปิดประเทศ ฟื้นกำลังซื้อ เผยความเชื่อมั่นดีขึ้น 2 เดือนติด

ค้าปลีก หวังวัคซีน เปิดประเทศ ฟื้นความเชื่อมั่น กำลังซื้อ เปิดดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ ดีขึ้นต่อเนื่อง 2 เดือนติด ห้างแห่จัดกิจกรรมกระตุ้นมู้ดจับจ่าย 

นาย ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกไทย ในเดือนมี.ค. 2564 พบว่า ในภาพรวมความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก ปรับดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน จากการส่งเสริมการขายของร้านค้า และกระแสการแพร่ระบาดบรรเทาลง โดย ค้าปลีก หวังวัคซีน เปิดประเทศ จะช่วยให้ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกฟื้นตัวดีขึ้น

ดัชนีความเชื่อมั่น

สำหรับผลสำรวจดังกล่าว สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สำรวจในทุกภาคส่วน ของค้าปลีกสินค้าและค้าปลีกบริการทุก ๆ เดือนโดยครั้งนี้ เป็นการสำรวจทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 15-24 มีนาคม 2564 มีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามประกอบด้วยร้านค้าปลีกสินค้าทั่วประเทศ ซึ่งมีช่องทางจำหน่ายรวมกันกว่า 23,000 แห่ง และร้านค้าปลีกบริการภัตตาคารร้านอาหาร ที่มีช่องทางบริการกว่า 6,000 แห่ง

ทั้งนี้ ปัจจัยที่เสริมความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในอีก 3 เดือนข้างหน้ามากที่สุด ได้แก่ มาตรการการควบคุมการระบาดของ โควิด-19 ที่เข้มข้น และการเร่งฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง เพื่อเตรียมพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นผู้ประกอบการในอีก 3 เดือนข้างหน้า ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก เดือนมี.ค. 2564 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้

  • ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกทั่วประเทศ

ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก เดือนมี.ค. 2564 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก.พ. เล็กน้อย และสูงกว่าระดับเกณฑ์ค่าเฉลี่ย 50 เมื่อเทียบกับดัชนีเดือนม.ค. ต่อดัชนีเดือนก.พ. ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นมาก เป็นการเพิ่มขึ้น หลังจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอกใหม่ เดือนม.ค. คลี่คลาย ผู้ประกอบการเชื่อมั่นในมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาด ควบคู่กับการทำโปรโมชั่นของร้านค้า

ถามถึงความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบติดตามความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน และคาดหวังว่าน่าจะดีขึ้น ข่าวที่ภาครัฐทำการฉีดวัคซีนกลางเดือนมี.ค. ส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น และมองถึงผลการเปิดประเทศแก่นักท่องเที่ยวในเร็ววัน

  • ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ ต่อยอดขาย, ยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จ (Spending per Bill หรือ Per Basket Size), และความถี่ในการใช้บริการ (Frequency)

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการต่อการเติบโตยอดขายสาขาเดิมเดือนมี.ค. ปีนี้ เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. ปีที่แล้ว (Year on Year) มีทิศทางที่ดีเพิ่มขึ้นมากอย่างชัดเจน และสูงกว่าระดับเกณฑ์ค่าเฉลี่ยที่ 50 ยอดขายสาขาเดิม ของปีนี้เพิ่มขึ้นสูงกว่ายอดขายสาขาเดิมเมื่อปีที่แล้ว ในช่วงเดือนมี.ค. เดียวกันอย่างชัดเจน สะท้อนว่ายอดขายสาขาเดิมเริ่มฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจัย Spending per Bill หรือ Per Basket Size พบว่า เดือนมี.ค. ยอดจับจ่ายต่อบิลลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก.พ. สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ลดลง และยังฟื้นตัวไม่ดีมาก บ่งบอกถึงความกังวลในการจับจ่ายของผู้บริโภคได้ระดับหนึ่ง

ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจัยความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) เดือนมี.ค. กลับสูงกว่าเดือนก.พ. เล็กน้อย และก็สูงกว่าดัชนีปัจจัย ความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) หลายเดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในมาตรการการหยุดการแพร่ระบาดไวรัสระลอกใหม่ ประกอบกับการทำโปรโมชั่นของร้านค้ากระตุ้นให้เกิดความถี่ในการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง

TRA Infographic

  • ดัชนีความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม แยกตามภูมิภาค

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการต่อยอดขายสาขาเดิมแยกตามภูมิภาค จะพบว่า เดือนมี.ค.นาคม กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. ยกเว้น ภาคกลางและภาคใต้ ที่ดัชนีความเชื่อมั่นทรงตัว

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ค้าปลีกแยกตามภูมิภาค กรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น ผลจากการกระตุ้นการบริโภคภาครัฐและความเชื่อมั่นในมาตรการการควบคุมแพร่ระบาดที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่ภาคกลาง ยังได้รับผลกระทบจากการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมยังไม่ฟื้นตัว และภาคใต้ยังรอคอยผลสรุปจากมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นรูปธรรมชัดเจน

ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้า ก็เพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคเช่นกัน สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นถึงมาตรการภาครัฐในการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิดระลอกใหม่ และความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนจากภาครัฐ

  • ดัชนีความเชื่อมั่นแยกตามประเภทร้านค้า

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ เมื่อจำแนกตามประเภทร้านค้าปลีก เปรียบเทียบระหว่างเดือนมี.ค. และเดือนก.พ. ที่ผ่านมา พบว่า มีความแตกต่างตามประเภทร้านค้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะร้านค้าปลีกประเภทภัตตาคาร ร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มสูงกว่าร้านค้าปลีกประเภทอื่นๆ สวนทางกับ ดัชนีความเชื่อมั่นของร้านค้าสะดวกซื้อที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยและอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ 50

ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ยังคงมีความหวั่นวิตกต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ จากเมื่อเดือน.ค. จนถึงเดือนมี.ค. ก็ยังคงมีกระแสข่าวคราวประชาชนที่ติดเชื้อมาเดินตามห้างสรรพสินค้า ทำให้ต้องมีการปิด เพื่อพ่นยาฆ่าเชื้อเป็นระยะ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภคลดลง การเข้ามาสัญจรในห้างสรรพสินค้า ลดลงเล็กน้อย

ประกอบกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ามีความกังวลต่อมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ที่ไม่ได้ส่งผลต่อการจับจ่ายของห้างสรรพสินค้า ทำให้ห้างสรรพสินค้าต้องพึ่งการส่งเสริมการขายของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้ามีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้า จากข่าวคราวการเริ่มทยอยฉีดวัคซีน และคาดหวังการเปิดประเทศในเร็ววัน

ค้าปลีก หวังวัคซีน เปิดประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกประเภท ไฮเปอร์มาร์เก็ต ลดลงจากเดือนก.พ. เล็กน้อย สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ประชาชนจับจ่ายสินค้ามูลค่าต่อครั้งมาก ๆ ที่ลดลง ประกอบกับผู้ประกอบการ มีความกังวลต่อมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ไม่ได้ส่งผลต่อการจับจ่ายของร้านค้าปลีก ประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต

แต่เมื่อถามถึงดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการร้านค้าปลีกประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต มีความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น จากมาตรการการขยายการฉีดวัคซีน และความหวังจากการเปิดประเทศในเร็ววัน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านค้าปลีกประเภท ซูเปอร์มาร์เก็ต พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. เล็กน้อย สะท้อนถึงการจัดโปรโมชั่นที่เข้มข้นและได้ผลระดับหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้อานิสงส์ จากมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

เมื่อพิจารณาถึงดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการประเภทซูเปอร์มาร์เก็ตกลับมีความเชื่อมั่นที่ลดลง สะท้อนถึงความกังวลต่อมาตรการภาครัฐที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจใน 3 เดือนข้างหน้า ที่ร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้ประโยชน์ แต่ต้องโหมกระหน่ำโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านค้า ประเภทสะดวกซื้อ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 ในขณะที่เดือนก.พ. ยังอยู่ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 ค่อนข้างมาก สะท้อนถึง การส่งเสริมการขายที่เข้มข้น ส่งผลให้การเพิ่มความถี่ในการจับจ่ายที่ได้ผล

ทั้งนี้ ร้านค้าสะดวกซื้อ ก็ไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเช่นเดียวกัน ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 ข้างหน้า ของผู้ประกอบการร้านค้าสะดวกซื้อทรงตัว สะท้อนถึงผู้ประกอบการร้านค้าสะดวกซื้อ ไม่มีความมั่นใจในมาตรการภาครัฐ ที่จะช่วยให้กำลังซื้อในร้านค้าสะดวกซื้อเพิ่มขึ้น

ค้าปลีก หวังวัคซีน เปิดประเทศ

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ตกแต่งและซ่อมบำรุง ในเดือนมี.ค. มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ. แต่ยืนเหนือระดับค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 อย่างชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่า ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ยังคงได้รับแรงหนุนจาก การปรับวิถี New Normal ทำงานที่บ้านทำให้มีความนิยมในการปรับภูมิทัศน์ภายในที่อยู่อาศัย ประกอบกับ เดือนมี.ค. เป็นระยะผ่านของการจัดซื้อจัดจ้างงบประมาณก่อสร้างภาครัฐ ที่เข้าสู่การก่อสร้างโครงการ คำสั่งการสั่งซื้อเริ่มทยอยมา

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ภัตตาคาร และเครื่องดื่ม มีความเชื่อมั่นลดลง แต่ก็ยังยืนระดับเหนือค่าเฉลี่ยกลางที่ 50 ค่อนข้างชัดเจน สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบมีความเชื่อมั่นต่อมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของภาครัฐ ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการร้านอาหารภัตตาคาร เครื่องดื่ม ในอีก 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในแผนการฉีดวัคซีนและการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

ขณะที่การประเมินผลกระทบต่อยอดขายและกำลังซื้อ และผลกระทบต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประเมินว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคมีสัญญาณปรับดีขึ้น จากการคลายความกังวลต่อสถานการณ์ โควิด-19

เมื่อถามว่า ให้ประเมินสถานการณ์การจับจ่ายการใช้บริการของผู้บริโภค ผู้ประกอบกว่า 80% ประเมินว่า ยอดการจับจ่ายและการใช้บริการ (Traffic) เพิ่มขึ้น 10% จากเดือนก.พ. ขณะที่ กว่า 80% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ประเมินว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคในเดือนมี.ค. 44% จับจ่ายเท่าเดิม และ 34% จับจ่ายเพิ่มขึ้นไม่เกิน 25% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. สะท้อนถึงกำลังซื้อที่ยังไม่แข็งแรง และเท่าเดิม เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิด

ด้าน ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ผู้ประกอบคาดหวังให้ภาครัฐกระตุ้นการจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทุกภาคธุรกิจ รวมถึงเพิ่มช่องทางการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและเงินสนับสนุนจากรัฐให้หลากหลาย รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาด และการเร่งฉีดวัคซีนแก่ผู้เกี่ยวข้องอย่างทั่วถึง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo