COVID-19

ตะลึง! โควิดสายพันธุ์อังกฤษ แพร่คลัสเตอร์ทองหล่อ 24 ราย หวั่นระบาดเพิ่ม 170 เท่า

โควิดสายพันธุ์อังกฤษ แพร่ผู้ป่วยโควิด คลัสเตอร์ทองหล่อ ตรวจพบแล้ว 24 ราย แพร่เร็วกว่าสายพันธ์ุปกติ 1.7 เท่า ห่วงสงกรานต์ โอกาสแพร่กระจายเพิ่มอีก 170 เท่า

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการระบาดในกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง ทั้งพนักงาน นักเที่ยว นักดนตรี ได้กระจายไปหลายจังหวัด ซึ่งมีการตรวจพบผู้ป่วยมีเชื้อ โควิดสายพันธุ์อังกฤษ ทำให้การติดเชื้อง่ายขึ้น 1.7 เท่า

โควิดสายพันธุ์อังกฤษ

ทั้งนี้ ยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีการเดินทางข้ามจังหวัดมากขึ้น หากไม่มีมาตรการป้องกัน ที่มีประสิทธิภาพที่ดี อาจจะเพิ่มผู้ติดเชื้อมากขึ้น 1.3 – 100 เท่า

ดังนั้น ความร่วมมือของประชาชน จึงสำคัญมาก ที่จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค และต้องปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มข้น ขอให้เดินทางเท่าที่จำเป็น ระหว่างการเดินทางขอให้ป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง เลือกใช้พาหนะส่วนบุคคล สแกนไทยชนะ ปฏิบัติตามคำแนะนำมาตรการของจังหวัดปลายทาง ซึ่งจะมีระบบเฝ้าระวัง การติดตามสอบถาม ผู้เดินทาง จากพื้นที่เสี่ยง

สำหรับจุดเสี่ยงแพร่ระบาดโรค ที่เห็นชัด คือ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ มีการเต้นรำ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีความแออัด พื้นที่ที่มีการระบาด จำเป็นจะต้องปิด ส่วนร้านอาหาร มีความเสี่ยงแตกต่างกัน หากอยู่กลางแจ้ง เว้นระยะห่าง ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะมีความเสี่ยงน้อย แต่หากเป็นสถานที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท คนแออัด ดื่มแอลกอฮอล์ คุยเสียงดัง จะมีความเสี่ยงสูง

ทั้งนี้ ข้อเสนอปรับพื้นที่สีแดง 5 จังหวัด ศบค.ชุดเล็กไม่ได้ไม่เห็นชอบ แต่ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 9 พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 กระทรวงมหาดไทย ร่วมกันพิจารณา ประเมินกำหนดพื้นที่ใหม่ ตามสถานการณ์เพิ่มเติม

จากการประชุมเบื้องต้นเห็นตรงกันว่า จะปรับพื้นที่สีใหม่ ซึ่งอาจต้องปรับเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์กระจายเชื้อมีมากขึ้น โดยจะมีมาตรการที่เหมาะสม ในสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ และร้านอาหาร และจะเสนอ ศบค.ชุดเล็กใน 1-2 วันนี้

สธ.

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การระบาดช่วงมีนาคม-เมษายน 2563 พบผู้ติดเชื้อประมาณ 3,000 คน เฉลี่ยวันละประมาณหลักสิบราย

ส่วนการระบาดระลอกใหม่ ตั้งแต่ธันวาคม 2563 จนถึงตอนนี้ยังไม่ยุติ และเกิดเหตุการณ์สถานบันเทิงเรียกว่า ระลอกซ้อนระลอก มีผู้ติดเชื้อประมาณหลักร้อยราย ตอนแรกสงสัยว่าเกิด Super Spread จากการเป็นสถานที่ปิด มีดนตรีเสียงดัง ร้องเพลงเสียงดัง พูดเสียงดัง โอกาสเชื้อกระจายลอยในอากาศง่าย

แต่จากตรวจหาเชื้อพบว่า ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ก็มีปริมาณไวรัสในคอสูงมาก เมื่อตรวจสายพันธุ์ผู้ป่วย 24 คน จากผับทองหล่อ พบว่า เป็นสายพันธุ์อังกฤษ ที่แพร่ง่ายกว่าสายพันธุ์ธรรมดา 1.7 เท่า แต่ความรุนแรงไม่เพิ่มขึ้น และไม่กระทบกับประสิทธิภาพของวัคซีน

อย่างไรก็ตาม ที่เป็นห่วงคือ ปีนี้จำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า แต่มาตรการของปีที่แล้ว มีล็อกดาวน์ เคอร์ฟิว ห้ามขายสุรา เลื่อนสงกรานต์ เข้มกว่ากัน 10 เท่า ดังนั้น เชื้อมีโอกาสแพร่กระจายเพิ่มอีก 100 เท่า เมื่อเป็นสายพันธุ์อังกฤษก็ยิ่งทวีคูณเป็น 170 เท่า

ที่สำคัญคือ ในช่วงสงกรานต์ ที่มีการเดินทาง คนหนุ่มสาวติดเชื้อส่วนใหญ่อาการน้อย แต่ปริมาณไวรัสมาก หากเดินทางไปรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ อาจนำเชื้อไปสู่ผู้สูงอายุ ซึ่งโอกาสป่วยรุนแรง และเสียชีวิตได้สูง

“สงกรานต์ปีนี้ไม่สามารถล็อกอะไรได้ ถ้าเป็นไปได้ ควรลดการเคลื่อนย้ายประชากรให้มากที่สุด แต่หากมีความจำเป็นต้องเดินทาง ก็ต้องมีมาตรการทุกอย่างให้เคร่งครัด ตั้งแต่เริ่มออกจากบ้าน ขึ้นรถ จนถึงจุดหมายปลายทาง ให้ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดมีระเบียบวินัย เว้นระยะห่าง ใส่หน้ากาก ล้างมือ ถ้าทุกคนช่วยกัน เชื่อว่าจะควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ศ.นพ.ยงกล่าว

ขณะที่ วัคซีนโควิด 19 ช่วยลดอาการของโรค ป้องกันการนอนโรงพยาบาล และการเสียชีวิตเกือบ 100% แม้จะฉีดวัคซีนเข็มแรกหรือครบสองเข็มแล้ว ยังติดเชื้อได้ แต่อาการจะรุนแรงน้อยลง ขึ้นอยู่กับระดับภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นมาของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม เมื่อวัคซีนมีมากเพียงพอ ขอให้ทุกคนที่ถึงคิวฉีดวัคซีน เข้ารับการฉีดวัคซีนตามกำหนด เพื่อร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้น

สำหรับสถานการณ์โควิด ประเทศไทย วันที่ 7 เม.ย. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 334 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 174 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 153 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 7 ราย หายป่วยเพิ่ม 121 ราย ไม่มีเสียชีวิต

ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 6 เมษายน 2564 ฉีดแล้ว 323,989 โดส แบ่งเป็นการฉีด เข็มแรก 274,354 ราย และเข็มที่สอง 49,635 ราย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo