Politics

‘ประยุทธ์’ สั่งเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ครอบคลุม ย้ำ! ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“พล.อ. ประยุทธ์” สั่งเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น มอบ “กทม. – มท.” เตรียมพร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ กทม. ยืนยันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ เป็นการประชุมผ่านระบบ Video Conference เพื่อความสะดวก แก่คณะรัฐมนตรีบางท่าน ที่อยู่ระหว่างการกักตัว สังเกตอาการ โดยรัฐบาลเร่งหามาตรการที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลในปัจจุบันว่า ได้ให้ความสำคัญ ทั้งการควบคุมโรค บริหารเศรษฐกิจ และความรู้สึกของประชาชนไปพร้อม ๆ กัน ขณะเดียวกันนี้ บุคลากรทางการแพทย์ กำลังพิจารณาเพิ่มเติม ในมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมไวรัสโควิด-19 ในทุกสายพันธุ์ และจะเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้มากยิ่งขึ้น และสอดคล้องกับจำนวนวัคซีนที่ทยอยมาถึงประเทศไทย

ประยุทธ์

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดทั่วโลก มีความรุนแรงมากขึ้น รวมถึงในประเทศผู้ผลิตวัคซีนเอง อาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาวัคซีน ซึ่งรัฐบาล ได้เตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหา พร้อมเจรจาทำข้อตกลงกับต่างประเทศ เพื่อเดินหน้าการลงทุน เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง

นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกคน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน และร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการเข้าไปยังสถานที่ ที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะสถานบันเทิงที่หากมีการตรวจสอบพบว่า ไม่มีมาตรการป้องกันควบคุมโรค ที่ได้มาตรฐานจะให้ปิดบริการโดยทันที

ทั้งนี้ ยืนยันว่า กระทรวงสาธารณสุข มีมาตรการป้องกัน และความสามารถดูแลรักษา ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ได้ รวมทั้งได้สั่งการให้กรุงเทพมหานคร และกระทรวงมหาดไทย เตรียมความพร้อมโรงพยาบาลสนาม ในสถานที่ที่มีการแพร่ระบาดเป็นจำนวนมาก หากไม่เพียงพอ ก็มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม จัดหาพื้นที่เพิ่มเติม

สำหรับส่วนภูมิภาค ได้ มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด พิจารณาจัดหามาตรการเพิ่มเติมเนื่องจากในแต่ละพื้นที่ มีสถานการณ์การแพร่ระบาดที่แตกต่างกัน เพื่อไม่ให้มีผลกระทบ ต่อประชาชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย

ส่วนสถานการณ์ชายแดนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงดูแล และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากเหตุความรุนแรง  รวมไปถึงกลุ่มชาติพันธุ์บางส่วน เพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ เนื่องจาก ไทย-เมียนมาร์ มีชายแดนติดกัน ซึ่งต้องพึ่งพาอาศัยกัน ทั้งนี้ รัฐบาลไทย ได้เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหา ผ่านช่องทางของกระทรวงการต่างประเทศ และอาเซียน พร้อมยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรง และต้องลดผลกระทบจากเรื่องเหล่านี้ให้ได้

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชน กรณีค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งจะมีนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การเจรจา กับภาคเอกชน เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาต่อรัฐบาลในอนาคต ซึ่งทุกฝ่าย ต้องรวมกันแก้ไข โดยยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

นอกจากนี้ รัฐบาล ยังกังวลถึงยอดหนี้ กยศ. ที่มีจำนวนสูง ซึ่งพยายามหาทางแก้ไข ให้สามารถผ่อนชำระได้ รวมทั้งเดินหน้าแก้ไขกฎหมายในหลายเรื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ยืนยัน “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอความร่วมมือประชาชน หลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรม ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด อาทิ การรดน้ำดำหัว ที่มีการรวมกลุ่มของคนหมู่มาก รวมถึงการทำบุญ ที่จะต้องมีการเว้นระยะห่าง และสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ พร้อมแนะให้จัดกิจกรรมสรงน้ำพระพุทธรูป ในที่พักอาศัยของตนเอง จัดงานรดน้ำดำหัวเฉพาะภายในครอบครัว

“ขอความร่วมมือประชาชน ที่เดินทางไปต่างจังหวัด ช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์อย่างปลอดภัย ระมัดระวังเรื่องการใช้ยานพาหนะ ไม่ดื่มสุรา พักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง คำนึงถึงตนเอง ครอบครัว และสังคม มีสติสัมปชัญญะในการดำรงชีวิตด้วย” พล.อ. ประยุทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความยินดีต่อ “โปรเหมียว” นางสาวปภังกร ธวัชธนกิจ นักกอล์ฟอาชีพหญิง ที่ได้รับรางวัลระดับเมเจอร์ รายการเอเอ็นเอ อินสไพเรชัน เป็นกำลังใจให้โปรเหมียว ในรายการแข่งขัน PGA ในระดับสูงต่อไป พร้อมมอบหมายให้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย เร่งพัฒนานักกีฬาไทย ด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อให้มีร่างกายที่เหมาะสม ต่อการแข่งขันทั้งรูปแบบเดี่ยว และทีม รวมทั้งคัดเลือกนักกีฬาช้างเผือก นักกีฬาที่มีพรสวรรค์ โดยส่งเสริมให้นักกีฬาที่มีอายุมากขึ้นมีประสบการณ์ เป็นโค้ชช่วยแนะนำ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo