Business

คนละครึ่ง เฟส 3 มาแน่! ‘คลัง – รองโฆษกฯ’ การันตี สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้รู้กัน!

คนละครึ่ง เฟส 3 มาแน่! สิ้นเดือนพฤษภาคมรู้กัน คลัง- รองโฆษกรัฐบาล ประส่านเสียงมีแน่นอน ขอให้รอรายละเอียดที่จะออกมา 

หลังจากโครงการ”คนละครึ่ง” ระยะที่ 2 ได้สิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 มียอดการใช้จ่ายตลอดโครงการ 102,065 ล้านบาท มีผู้ใช้สิทธิทั้งสิ้น 14,793,502 คน อย่างไรก็ดี ถือเป็นโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมากตลอดโครงการที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้เป็นอย่างดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการลงพื้นที่ในทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นส่วนของร้านค้า หรือตลาดนัดขายสินค้า ปรากฎว่าร้านค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับความสนใจ จะเป็นร้านค้าที่มีโครงการคนละครึ่ง เพราะเป็นร้านที่ช่วยแบ่งเบาประชาชนในการจับจ่ายใช้สอยได้

ขณะที่ นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล โพสต์เฟซบุ๊ก รัชดา ธนาดิเรก – รองโฆษกรัฐบาล ระบุ คนละครึ่งเฟส 2 กระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 1.02 แสนล้านบาท

กระทรวงการคลัง เผย โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 สิ้นสุดแล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 มียอดการใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดโครงการ จำนวน 102,065 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 52,251 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 49,814 ล้านบาท

มีผู้ใช้สิทธิทั้งสิ้น 14,793,502 คน จากเป้าหมาย 15 ล้านคน ในจำนวนนี้มีการใช้จ่ายตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป จำนวน 13,653,565 คน หรือคิดเป็น 92% ของผู้ใช้สิทธิทั้งหมด) และมีการใช้จ่ายครบวงเงินโครงการ 3,500 บาท จำนวน 7,819,925 คน

ส่วนโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 รอรายละเอียดหลังสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้

คนละครึ่ง เฟส 3

ขณะที่นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง ยืนยันว่า โครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” จะมีออกมาแน่นอน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษา คาดว่า จะมีความชัดเจนได้ภายหลังสงกรานต์ (หลังพฤษภาคม 2564) อย่างไรก็ตาม คาดว่าเม็ดเงินที่จะออกมาในระบบเศรษฐกิจ จะไม่ทับซ้อนกับมาตรการที่มีอยู่แล้ว เช่น มาตรการเราชนะ หรือมาตรการเรารักกัน ที่จะสามารถใช้จ่ายได้ถึง 31 พฤษภาคม 2564

ในเบื้องต้น คนละครึ่ง เฟส 3 จะให้ผู้ที่มีสิทธิ์อยู่แล้ว เชื่อมต่อการใช้สิทธิได้ง่าย ๆ โดยให้เข้าไปยืนยันตัวตนอีกครั้งก่อนใช้งาน และไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

ขณะเดียวกัน กำลังพิจารณาถึงการ “ขยายฐานผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น” จากปัจจุบันมีฐานผู้ใช้จากมาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 และ 2 รวมกันประมาณ 15 ล้านราย ขณะที่ความชัดเจนที่จะสามารถนำมาใช้จ่ายได้ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่จะเสนอ ครม.จึงยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน

คุณสมบัติของผู้ประกอบการร้านค้า (ร้านค้า) ที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ
(1) เป็นผู้ประกอบการสัญชาติไทยประเภทใดประเภทหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1.1) เป็นผู้ประกอบการที่ไม่ใช่นิติบุคคล
(1.2) เป็นร้านค้าของกองทุนหมู่บ้าน หรือกองทุนชุมชนเมือง ตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547
(1.3) เป็นร้านค้าของวิสาหกิจชุมชนตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
(2) เป็นร้านค้าที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) และ/หรือให้ความยินยอมตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดผ่านแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป
(3) ไม่เป็นร้านค้าที่มีลักษณะเป็นร้านสะดวกซื้อธุรกิจแฟรนไชส์
(4) ไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ
(5) ไม่เป็นผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการอื่น ๆ ของรัฐ หรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

คนละครึ่ง เฟส 3

 คุณสมบัติของประชาชนที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ

(1) มีหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก
(2) มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ ณ วันลงทะเบียน
(3) เป็นผู้มีสัญชาติไทย
(4) ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
(5) ผู้มีสิทธิเขาร่วมโครงการฯ ระยะที่ 2 จะต้องเป็นผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ ระยะแรกที่ยืนยันการเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 2 ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือ เป็นผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 2 ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2563
(6) มีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยกระบวนการยืนยันตัวตนเพื่อใช้บริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (รวมทั้ง G-wallet ในบริการแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”) ให้เป็นไปตามที่ธนาคารกรุงไทยฯ ซึ่งเป็นผู้จัดทำระบบให้รัฐและเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับข้อมูลการพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าวกำหนด

รัฐจะสนับสนุนเงินแก่ประชาชนในการซื้ออาหาร เครื่องดื่ม หรือสินค้าทั่วไป จากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของราคาสุทธิในใบเสร็จรับเงิน โดยรัฐจะชำระเงินดังกล่าวให้แก่ร้านค้าโดยตรง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight