Business

เตือนแล้วนะ! ห้ามตัด – ขาย ‘ทุเรียนอ่อน’ หวังฟันกำไร มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

เตือนแล้วนะ! ห้ามตัด – ขาย “ทุเรียนอ่อน” ไม่ได้คุณภาพ หวังฟันกำไร เกษตรกรและผู้ค้าคนกลาง มีโทษ ทั้งจำทั้งปรับ ล้งเสี่ยงถูกเพิกถอนใบรับรอง

แฟนเพจเฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า ของรัฐบาล ได้ออกมาโพสต์เตือนเกษตรกรชาวสวนทุเรียนและพ่อค้าคนกลางว่า ห้ามตัดหรือขาย “ทุเรียนอ่อน” หากฝ่าฝืนจะ มีโทษ ตามกฎหมาย

ทุเรียนอ่อน มีโทษ

โดยในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม ของทุกปี เป็นต้นฤดูกาลทุเรียน จะมียอดสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกษตรกรชาวสวนทุเรียนบางราย รีบตัดทุเรียนขายเพื่อหวังทำกำไร แม้ทุเรียนที่ปลูกไว้อาจยังไม่ได้อายุ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของผู้ซื้อ และจะส่งผลให้ทุเรียนไทยราคาตกต่ำ ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดโลกในระยะยาว

ดังนั้น เกษตรกรที่ตัด ทุเรียนอ่อน หรือด้อยคุณภาพขาย รวมถึงพ่อค้าคนกลางที่รับมาขาย จะมีความผิดตามกฎหมายดังนี้ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มารตรา 47 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ ขณะที่ล้งที่ทำกระทำความผิดซ้ำ อาจถูกเพิกถอนใบรับรองล้งด้วย

สำหรับเกษตรกรที่มีทุเรียนได้อายุพร้อมตัดขายก่อนวันที่ 10 เมษายน 2564 จะต้องแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครเกษตร หรือเกษตรอำเภอก่อนตัด จะได้ช่วยกันควบคุมคุณภาพและปริมาณผลผลิตที่จะเข้าสู่ตลาดได้อีกทาง

 

กลยุทธ์ฉวยโอกาสขาย “ทุเรียนอ่อน”

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ได้ออกมาเตือนเช่นเดียวกันว่า ในช่วงเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคมของทุกปี จะเป็นช่วงที่ทุเรียนเริ่มออกสู่ตลาด โดยเฉพาะทุเรียนภาคตะวันออกช่วงต้นฤดูกาลจะมีราคาสูง เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดยังมีปริมาณน้อย ประกอบกับมียอดสั่งซื้อล่วงหน้าผ่านพ่อค้าคนกลางและล้งอีกจำนวนมาก เป็นโอกาสของเกษตรกรที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงอาจเกิดแรงจูงใจให้รีบตัดทุเรียนออกขายในช่วงนี้เพื่อทำกำไร ในขณะที่ทุเรียนส่วนใหญ่ยังไม่ครบอายุการเก็บเกี่ยว

กระทรวงเกษตรฯ จึงมีความห่วงใยในเรื่องคุณภาพของทุเรียนและผลกระทบด้านการตลาดดังกล่าวมาก ขอเน้นย้ำว่าการตัด ทุเรียนอ่อน หรือด้อยคุณภาพออกจำหน่ายนั้น ทั้งเกษตรกรผู้ปลูกและพ่อค้าคนกลางที่รับมาจำหน่ายมีความผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ มิได้เพิกเฉยต่อปัญหาดังกล่าวจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการป้องกันปัญหาทุเรียนอ่อนอย่างเข้มงวดแล้ว

เฉลิมชัย ศรีอ่อน

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตรรับทราบข้อห่วงใยของ นายเฉลิมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จึงได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อช่วยกันสกัดกั้น ทุเรียนอ่อน ในจังหวัดแหล่งผลิตที่สำคัญ ร่วมกับฝ่ายปกครองในพื้นที่

โดยใช้บทลงโทษทางกฎหมาย ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 271 ผู้ใดขายโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพคุณภาพ หรือปริมาณแห่งของอันเป็นเท็จนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47 ผู้ใดเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่น อันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่น โฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จ หรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ในพื้นที่หน่วยงานภาครัฐและเกษตรกรได้ร่วมกันกำหนดมาตรการในการควบคุมทุเรียนอ่อนด้วย เช่น จังหวัดจันทบุรี หากเกษตรกรมีผลผลิตที่พร้อมตัดจำหน่ายก่อนวันที่ 10 เมษายน 2564 หากต้องการจะตัดจำหน่ายจะต้องแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครเกษตร หรือเกษตรอำเภอก่อนตัด ซึ่งจะช่วยควบคุมคุณภาพผลผลิตก่อนออกสู่ตลาดได้อีกทางหนึ่ง

ทุเรียน

ทุเรียน “อ่อน – แก่” ดูยังไง

อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สาเหตุของปัญหา ทุเรียนอ่อน นอกจากปัจจัยด้านราคาแล้ว ยังมีปัจจัยด้านการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตร เกษตรกรเจ้าของสวนจำนวนไม่น้อยต้องการความสะดวกจึงจำหน่ายให้พ่อค้าคนกลางหรือล้งในลักษณะเหมาสวน ทำให้เกษตรกรไม่ได้ควบคุมการเก็บเกี่ยว

รวมไปถึงเป็นกลยุทธ์ของพ่อค้าเองที่จะตัดทุเรียนอ่อนไปจำหน่ายเพื่อทำให้ผู้บริโภคมีความต้องการน้อยลงในระยะหนึ่ง จากนั้นทุเรียนจะมีราคาลดต่ำลง แล้วพ่อค้าก็กลับไปกดราคาจากชาวสวนหรือเกษตรกรในช่วงที่ผลผลิตออกมาก และนำมาขายทำกำไรส่วนต่างจำนวนมากนั่นเอง

สำหรับผลเสียหายที่เกิดจากการขายทุเรียนอ่อน นอกจากจะทำลายความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าเกษตรของผู้บริโภคภายในประเทศแล้ว ยังจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อตลาดส่งออกอีกด้วย เนื่องจากในอนาคตอันใกล้ประเทศคู่แข่งของไทยอย่างเวียดนามและกัมพูชาจะสามารถผลิตทุเรียนคุณภาพได้มากขึ้น และมีความได้เปรียบทุเรียนไทย เนื่องจากต้นทุนการผลิตต่ำกว่า อีกทั้งที่ตั้งยังอยู่ใกล้ประเทศจีนที่เป็นตลาดส่งออกใหญ่ของไทยมากกว่าด้วย ซึ่งหากยังมีการลักลอบส่งออกทุเรียนอ่อนไปตลาดต่างประเทศ จะทำให้ทุเรียนไทยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับประเทศคู่แข่งในไม่ช้า

“สำหรับผู้บริโภคที่จะซื้อทุเรียน มีข้อสังเกตง่ายๆ คือ ถ้าหากร่องของเปลือกทุเรียนยังมีสีเขียวและชิดกันอยู่แสดงว่ายังไม่แก่ แต่ถ้าร่องเริ่มห่างกันและมีสีน้ำตาลแสดงว่าแก่แล้ว หรือใช้ไม้เคาะแล้วฟังเสียง หากได้ยินเสียงโปร่งไม่แน่นทึบแสดงว่าแก่แล้วเช่นกัน” นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo