Economics

ด่วนเลย!! คนละครึ่งใช้สิทธิ์พรุ่งนี้วันสุดท้าย รีบใช้จ่ายก่อนถูกตัดเงิน

ด่วนเลย!! “คนละครึ่ง” ใช้สิทธิ์พรุ่งนี้วันสุดท้าย รีบใช้จ่ายเงิน 3,500 บาทให้หมดก่อนถูกตัดเงิน ยืนยันโครงการคนละครึ่งเฟส 3 จะมีออกมาแน่นอน เผยล่าสุด “เราชนะ” เงินสะพัดกว่า 1.81 แสนล้านบาท

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษก กระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่ง จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2564 ขอให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินเหลือเร่งใช้จ่ายให้ครบ 3,500 บาท ซึ่งหากพ้นกำหนดดังกล่าวแล้วจะไม่สามารถใช้สิทธิ์วงเงินที่เหลือได้

ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นการรักษาสิทธิแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากผ่านการบริโภคภายในประเทศด้วย

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า “โครงการคนละครึ่งเฟส 3” จะมีออกมาแน่นอน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษา คาดว่า จะมีความชัดเจนได้ภายหลังเดือน พฤษภาคม 2564 เบื้องต้นคนละครึ่งเฟส 3 จะให้ผู้ที่มีสิทธิ์อยู่แล้วเชื่อมต่อการใช้สิทธิ์ได้ง่าย ๆ โดยให้เข้าไปยืนยันตัวตนอีกครั้งก่อนใช้งาน และไม่ต้องลงทะเบียนใหม่

คนละครึ่ง

ขณะเดียวกัน กำลังพิจารณาถึงการขยายฐานผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีฐานผู้ใช้จากมาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 และ 2 รวมกันประมาณ 15 ล้านราย ขณะที่ความชัดเจนที่จะสามารถนำมาใช้จ่ายได้ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่จะเสนอ ครม. จึงยังไม่สามารถระบุได้

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ณ วันที่ 25 มีนาคม 2564 โครงการคนละครึ่งมียอดการใช้จ่ายสะสม 100,042 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 51,214 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 48,828 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 14,793,502 คน เป็นการใช้จ่าย 3,000 บาทขึ้นไป จำนวน 12,959,425 คน และใช้จ่ายครบ 3,500 บาท จำนวน 6,624,037 คน โดยการใช้จ่ายกระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ แสดงถึงความสำเร็จอย่างสูงในการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากทั่วประเทศ ซึ่งจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  • กรุงเทพมหานคร
  • ชลบุรี
  • สมุทรปราการ
  • สงขลา
  • เชียงใหม่

ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดโครงการ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินเหลือรักษาสิทธิของท่านโดยการเร่งใช้จ่ายให้ครบ 3,500 บาท ภายในกำหนด ซึ่งจะเป็นการช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลัง ได้รับเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตของผู้ประกอบการร้านค้าผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะและโครงการ คนละครึ่ง รวมถึงประชาชนโดยพบพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ เช่น การแลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น

ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้เร่งรัดดำเนินการติดตามและตรวจสอบการกระทำทุจริตในโครงการต่าง ๆ รวมถึงประสานขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการดังกล่าว โดยหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้า และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

ดังนั้น กระทรวงการคลัง ขอความร่วมมือประชาชนในการรักษาสิทธิ์ของตนเองและขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการ

ทั้งนี้ ประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการสามารถแจ้งเบาะแส รวมถึงส่งหลักฐานการกระทำผิดเงื่อนไข ทางไปรษณีย์มาที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail) ของโครงการเราชนะ [email protected] และโครงการคนละครึ่ง [email protected]

คนละครึ่ง

ส่วนความคืบหน้าของโครงการเราชนะ ณ วันที่ 30 มีนาคม 2564 ดังนี้

  1. ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 69,339 ล้านบาท
  2. ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 101,664 ล้านบาท
  3. ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.0 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 10,545 ล้านบาท ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.5 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 181,548 ล้านบาท

ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo