รายงาน UN ชี้โควิด-19 ถ่วง “เศรษฐกิจโลก” พัฒนาล่าช้าไป 10 ปี “ความเท่าเทียม – หนี้สิน” ปัญหาใหญ่
รายงานจากสหประชาชาติ (UN) ชี้ให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) อาจทำให้ทั่วโลกพัฒนาล่าช้าไปถึง 10 ปี โดยองค์การระหว่างประเทศมากกว่า 60 แห่งที่ร่วมเขียนรายงานนี้ต่างเรียกร้องให้มีการระดมทุนเพื่อแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มทวีขึ้นต่อเนื่องและทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเร็ว
รายงานระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกประสบกับภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 90 ปี โดยประชากรกลุ่มเปราะบางที่สุดเป็นผู้ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด พร้อมคาดการณ์ว่าจะเกิดการสูญเสียงาน 114 ล้านตำแหน่งทั่วโลก และประชาชนจะตกอยู่ในภาวะยากจนขั้นรุนแรงราว 120 ล้านคน ซึ่งการป้องกันไม่ให้อีกหลายประเทศเผชิญการพัฒนาล่าช้าไปอีก 10 ปี มีเพียงการเร่งดำเนินการอย่างทันท่วงทีเท่านั้น
อามีนา โมฮัมเหม็ด รองเลขาธิการ UN เผยว่าโรคระบาดครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงอันตรายจากการที่เราเพิกเฉยการพึ่งพาซึ่งกันและกันระหว่างประเทศต่างๆ ทั่วโลก โลกที่มีแต่ความแตกแยกนับเป็นหายนะสำหรับทุกคน ดังนั้นการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะถูกต้องตามหลักศีลธรรมเท่านั้น แต่ยังหมายถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทุกคนด้วย
รายงานยังชี้ให้เห็นว่า เงินทุนที่ใช้ในการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจทั่วโลกนั้นสูงถึง 16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 497 ล้านล้านบาทแล้วจนถึงขณะนี้ แต่ในจำนวนนี้ถูกนำไปใช้ในประเทศกำลังพัฒนาไม่ถึง 20% อีกทั้งในบรรดา 38 ประเทศที่เปิดตัววัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีเพียง 9 ประเทศเท่านั้นที่อยู่นอกกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
ก่อนการระบาดอุบัติขึ้น ราวครึ่งหนึ่งของประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดและประเทศที่มีรายได้ต่ำอื่นๆ ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงหรือมีปัญหาด้านหนี้สิน โดยระดับหนี้สินของประเทศเหล่านี้เริ่มทะยานขึ้นไปอีกหลังเกิดการระบาดใหญ่ ซึ่งสถานการณ์ในประเทศยากจนที่สุดในโลกเหล่านี้อาจมีส่วนให้การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2573 ของ UN ล่าช้าออกไปอีก 10 ปี
รายงานแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ต่อต้าน “ลัทธิวัคซีนชาตินิยม” พร้อมจัดหาเงินกู้พิเศษให้ประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด รวมทั้งจัดหาเงินทุนและออกนโยบายบรรเทาหนี้สินเพื่อช่วยประเทศเหล่านี้รับมือกับการระบาดและผลกระทบเชิงลบได้
ด้านหลิวเจิ้นหมิน รองเลขาธิการ UN ด้านกิจการเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่าช่องว่างระหว่างประเทศร่ำรวยและยากจนจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ขณะที่ภาครัฐและเอกชนจำเป็นต้องลงทุนในทุนมนุษย์ ประกันสังคม ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี
ที่มาสำนักข่าวซินหัว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โควิดวันนี้ 27 มี.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 126.7 ล้าน ‘ญี่ปุ่น’ อ่วม! เลิกภาวะฉุกเฉินไม่ถึงสัปดาห์ ป่วยใหม่พุ่งเกิน 2 พัน
- ‘รัฐบาล’ ตั้งเป้าเศรษฐกิจ กระตุ้น ‘ทัวร์เที่ยวไทย’ กระจายรายได้กว่า 1.5 หมื่นล้าน
- ‘ไวรัสอู่ฮั่น’ พ่นพิษคาดฉุดเศรษฐกิจจีนเสียหาย 3 แสนล้านหยวน!!