แม้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีความกังวลเรื่อง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการควบคุมธนาคารพาณิชย์ห้ามปล่อยกู้เกินมูลค่าหลักประกัน (LTV) เกินอัตราที่กำหนด แต่ดูเหมือนผู้ประกอบการอสังหาฯ ยังคงเห็นโอกาสการเติบโต และยังเดินหน้าขยายโครงการแบบสร้างสถิติตัวเลขสูงขึ้นในปีหน้า
หลังจาก บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จับมือเป็นพันธมิตรกับ ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น ยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีเครือข่ายอาณาจักรมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท โดยร่วมทุนมาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุน ช่วง 2 ปีแรก ระหว่างปี 2559-2560 เปิดไปแล้ว 7 โครงการมูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านบาท สำหรับแผนธุรกิจในปี 2562 “เสนาและฮันคิว”ยังเดินหน้าเปิดคอนโดใหม่อีก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วง 2 ปีแรก 50%
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) กล่าวว่าเสนา ได้ประกาศร่วมทุนกับ “ฮันคิว” ในเดือนธันวาคม 2559 เกือบ 2 ปี มีการลงทุนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดร่วมกัน 7 โครงการ มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท โดยเสนาถือหุ้น 51% และ ฮันคิว 49% ประกอบด้วย
- นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง สร้างเสร็จ ปี 2562
- นิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ สร้างเสร็จ ปี 2563
- ปีติ เอกมัย สร้างเสร็จ ปี 2564
- นิช โมโน เจริญนคร สร้างเสร็จ ปี 2563
- นิช โมโน เมกะ สเปซ บางนา สร้างเสร็จ ปี 2563
- นิช โมโน รามคำแหง สร้างเสร็จ ปี 2564
- ปีติ บางจาก สร้างเสร็จ ปี 2564
โครงการ นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง โครงการร่วมทุนที่เปิดตัวโครงการแรกระหว่างของเสนา ฮันคิว มูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท มียอดจองซื้อแล้ว 80% ถัดมาเป็นโครงการนิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ เปิดตัวมีนาคม 2561 มูลค่าโครงการอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท มียอดจองซื้อ 70% ส่วนโครงการคอนโดลักชัวรีแห่งแรก คือ ปีติ เอกมัย มูลค่า 5,000 ล้านบาท
“ฮันคิว ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ที่ยังเชื่อมั่นและร่วมมือกันพัฒนาโครงการอสังหาฯ ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่คาดว่าจะลงทุนปีละ 1-2 โครงการ ช่วง 2 ปี ของความร่วมมือได้ประกาศลงทุนไปแล้ว 7 โครงการ สะท้อนถึงศักยภาพอสังหาฯไทยยังเติบโต”
ปี 62 ร่วมทุนฮันคิว 11 โครงการ
สำหรับแผนลงทุนร่วมกับ ฮันคิว ในกลุ่มที่อยู่อาศัย ประเภทคอนโดทั้งกลุ่มกลางและลักชัวรี่ราคา 1.5 แสนบาทต่อตร.ม. ในปี 2562 วางไว้ที่ 11 โครงการ รวมมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2 ปีแรกที่ทำงานร่วมกัน 50% โดยมีที่ดินในมือแล้ว 5 โครงการ ที่เหลืออยู่ระหว่างการซื้อที่ดิน
จากแผนลงทุนในปีหน้า ทำให้ช่วง 3 ปีของความร่วมมือ คือระหว่างปี 2559-2562 เสนา ฮันคิว ลงทุนคอนโดรวม 18 โครงการ รวมมูลค่า 5.8 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ฮันคิว ยังมีความสนใจขยายการลงทุนอสังหาฯ ประเภทพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนเพิ่มขึ้น และเป็นการลงทุนระยะยาว นอกจากการลงทุนคอนโดเพื่อขายซึ่งเป็นการลงทุนระยะสั้น 3 ปี โดยฮันคิว มีธุรกิจในเครือทั้งการลงทุนอาคารสำนักงานและโรงแรม ซึ่งมีโนวฮาวพร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนพื้นที่เชิงพาณิชย์ในประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มศึกษาการลงทุนในปี 2562
ปี 2562 เสนา มีแผนเปิดโครงการรวมกว่า 20 โครงการ แบ่งเป็นการร่วมทุนกับฮันคิว 11 โครงการ ที่เหลือเป็นการลงทุนของเสนา คาดว่ามีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่รายได้ปีนี้ยังคงเป็นเป้าหมายเดิมที่ 6,200 ล้านบาท ด้านยอดขายคาดอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท เริ่มทยอยรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ ถึงปี 2564 ส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในปี 2563
“ฮันคิว”ลงทุนไทยอันดับ 1 ในอาเซียน
ทางด้าน วาคาบายาชิ ชึเนะโอะ ประธานกรรมการบริหาร ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ เป็น 1 ใน 6 ของธุรกิจในเครือบริษัท ฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 100 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 1907 นอกจากการดำเนินธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ปีที่ผ่านมาฮันคิว ฮันชิน โฮลดิ้ง กรุ๊ป เริ่มมองหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทย
ฮันคิว มองว่าประเทศไทยยังเป็นกลุ่มประเทศที่รายได้ผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) เติบโตต่อเนื่องและมีศักยภาพเติบโตสูง จึงเริ่มเข้ามาลงทุนตั้งแต่ปี 2558 เริ่มด้วยธุรกิจคลังสินค้าที่ประเทศสิงคโปร์ ถัดมาเป็นธุรกิจอสังหาฯและขนส่งที่อินโดนีเซีย
ตามมาด้วยธุรกิจอสังหาฯในเวียดนาม ไทย มาเลเซียและฟิลิปปินส์ รวมมูลค่าการลงทุนปีละ 6,000 ล้านบาท ซึ่งราว 25% ของการลงทุนในภูมิภาคนี้อยู่ที่ประเทศไทย เนื่องจากได้รับผลตอบแทนสูงที่สุด และเห็นตัวเลขรายได้ชัดเจนที่สุด ปี 2562 เม็ดเงินที่ลงทุนด้านอสังหาฯ ในไทย ยังมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน
สำหรับการร่วมทุนกับเสนา มาจากการที่กลุ่มฮันคิว มองเห็นศักยภาพของตลาดอสังหาในไทยและศักยภาพของเสนา ที่มีความโดดเด่นและความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัวที่สุด
ในการร่วมทุนครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นในความเป็นมืออาชีพของเสนา บวกกับความมั่นใจในเศรษฐกิจไทย ทำให้เตรียมลงทุนเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 3,000 ล้านบาท สะท้อนจากข้อมูลภาครัฐที่ระบุว่าในปี 2574 หรืออีก 13 ปีข้างหน้าประชากรไทยจะเพิ่มขึ้นสูงสุด นั่นหมายถึงความต้องการในอสังหาฯ ยังคงมีอีกมาก ทำให้อสังหาฯ ไทยยังคงเนื้อหอม มีต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง