Economics

ยอดใช้จ่าย ‘เราชนะ’ พุ่ง 147 ล้านบาท เช็คที่นี่กลุ่มไหนจ่อรับ 7 พันบาท!!

อัพเดทล่าสุด!! “เราชนะ” ได้รับสิทธิ์แล้ว 32.4 ล้านคน เงินสะพัด 147,801 ล้านบาท สำหรับกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนที่ลงทะเบียนตั้งแต่ 8 – 26 มีนาคม 2564 เช็คสิทธิ์ 5 เมษายนนี้ ก่อนรับเงิน 7,000 บาท 

กระทรวงการคลัง รายงานความคืบหน้าของโครงการ “เราชนะ” ณ วันที่ 22 มีนาคม 2564 ดังนี้

  • ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 58,234 ล้านบาท
  • ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ .com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 16.7 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 82,681 ล้านบาท
  • ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.0 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 6,886 ล้านบาท ล่าสุด มีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.4 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 147,801 ล้านบาท

เราชนะ

ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (กลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน) ระหว่างวันที่ 8 – 26 มีนาคม 2564 ว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในช่วงเวลาดังกล่าว จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 เป็นต้นไป โดยผู้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ จำนวน 7,000 บาท 

โดยสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผ่านบัตรประชาชนแบบอเนกประสงค์ (Smart Card) ได้ที่ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564 โดยประชาชนที่ประสงค์จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องที่เพื่อดำเนินการประสานการจัดหน่วยรับลงทะเบียนเคลื่อนที่ หรือติดต่อที่สาขาหรือจุดให้บริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน

ทั้งนี้ ประชาชนกลุ่มดังกล่าวสามารถติดต่อสาขาหรือจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย หากประสงค์จะใช้รหัส 6 หลัก (PIN Code) เพื่อยืนยันตัวตนในการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ดังกล่าวแทนการยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า (Facial Recognition)

ส่วนความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 21 มีนาคม 2564 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิจำนวน 14,793,502 คน โดยเป็นการใช้จ่าย 3,000 บาทขึ้นไป จำนวน 12,530,056 คน และใช้จ่ายครบ 3,500 บาท จำนวน 6,315,918 คน

นางสาวกุลยา กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากทั่วประเทศ โดยความคืบหน้าล่าสุดของโครงการคนละครึ่ง ณ วันที่ 21 มีนาคม 2564 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 1.5 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิจำนวน 14,793,502 คน

ทั้งนี้ เป็นการใช้จ่าย 3,000 บาทขึ้นไป จำนวน 12,530,056 คน และใช้จ่ายครบ 3,500 บาท จำนวน 6,315,918 คน ยอดการใช้จ่ายสะสม 98,860 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 50,610.3 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 48,249.7 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  • กรุงเทพมหานคร
  • ชลบุรี
  • สมุทรปราการ
  • สงขลา
  • เชียงใหม่

ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2564 จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ยังมีวงเงินเหลือเร่งใช้จ่ายให้ครบ 3,500 บาท หากพ้นกำหนดดังกล่าวจะไม่สามารถใช้สิทธิวงเงินที่เหลือได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการรักษาสิทธิของท่านแล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากผ่านการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo