ถอดรหัสลงทุน เปิด 2 หุ้นในดวงใจ ‘เสี่ยยักษ์’ ที่เปลื่ยนชีวิต เสี่ยยักษ์ ได้ พร้อมเล่า ถึงแนวทางการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต เน้นลักษณะของหุ้นที่ชื่นชอบอย่างมาก นั่นคือ หุ้นที่ผลงานแย่มาตลอด แต่สามารถกลับมาเริ่มมีกำไรได้ หรือที่มักเรียกกันว่า “หุ้น Turn around”
สำหรับใครที่อยู่ในแวดวงการลงทุน เชื่อว่าคงต้องคุ้นชื่อของ “เสี่ยยักษ์” หรือ วิชัย วชิรพงศ์ กันมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะนี่คือหนึ่งในเซียนหุ้นชั้นนำของเมืองไทย และเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่ปัจจุบันมีมูลค่าพอร์ตลงทุนมากกว่า 4,300 ล้านบาท
เสี่ยยักษ์ เริ่มต้นเข้าสู่การลงทุนเมื่อปี 2530 เป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ Black Monday พอดี ด้วยเงินก้อนจำนวน 2.5 ล้านบาท แม้ช่วงแรกจะไม่ประสบความเร็จและถึงขั้นขาดทุน แต่อย่างไรก็ตามด้วยความไม่ยอมแพ้ต่อตลาด จึงได้กลับไปตั้งหลัก ศึกษาการลงทุนอย่างเข้มข้น จนพัฒนาพอร์ตสู่ระดับพันล้านได้ในที่สุด
และด้วยผมได้มีโอกาสฟังบทสัมภาษณ์ของเสี่ยยักษ์ จากรายการ Money Chat Thailand ถึงวิธีการเลือกหุ้นในดวงใจ ซึ่งเป็นการพูดคุยถึงแนวคิดของเสี่ยยักษ์ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง แต่นับว่ามีแก่นสารที่เป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนอย่างมาก วันนี้จึงได้สรุปประเด็นสำคัญมาให้ได้อ่านกันครับ
เสี่ยยักษ์ เล่าถึงแนวทางการเลือกหุ้นเข้าพอร์ตให้ฟังว่า ลักษณะของหุ้นที่ชื่นชอบอย่างมาก คือ หุ้นที่ผลงานแย่มาตลอด แต่สามารถกลับมาเริ่มมีกำไรได้ หรือที่เรามักเรียกกันว่า “หุ้น Turn around” นั่นเอง เพราะคนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม และมองไม่ออกว่ามันกำลังจะกลับมาดีในอนาคต
หุ้นในดวงใจตัวแรกที่ เสี่ยยักษ์ พูดถึง ได้แก่ หุ้น PTT หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการพลังงาน ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีแบบครบวงจร รวมทั้งเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในตลาดหุ้นไทย ด้วยมูลค่าถึง 1,156,801 ล้านบาท
ซึ่งในช่วงที่หุ้น PTT โดนเขย่าหนัก เสี่ยยักษ์ ก็เป็นหนึ่งในคนที่ทนไม่ไหว ตัดสินใจขายหุ้นออกไป แต่ก็ได้ตัดสินใจกลับมาลงทุนอีกครั้งตอนที่ราคาหุ้นอยู่ในช่วง 70 บาท เพราะ PTT เป็นหุ้นในฝัน และเห็นว่าตอนนั้นมีระดับ P/E เพียง 5 เท่า สุดท้ายได้กำไรก้อนใหญ่จากเฝ้ามองการเติบโตของ PTT มาเรื่อยๆ ทำให้ได้บทเรียนว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนชีวิต หรือรวยจากการเล่นหุ้นได้หรอก หากยังซื้อๆ ขายๆ ทุกวัน แต่ไม่สามารถอดทน รอได้
หุ้นในดวงใจตัวที่สอง ที่พูดถึงก็คือ BTS หรือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้าบีทีเอสที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง
BTS เป็นหุ้น Turn around อีกตัวที่เปลื่ยนชีวิตเสี่ยยักษ์ เนื่องจากตอนแรกบริษัทขาดทุนหนักมานานจากการประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก่อนที่ทางบริษัทจะหันมาทำธุรกิจรถไฟฟ้าจนเติบโต ทำให้เขาได้กำไรจากหุ้น BTS ถึง 400%
เสี่ยยักษ์ ให้มุมมองการลงทุนว่าอันดับแรกเราต้องซื้อในจุดที่ไม่แพ้ก่อน อย่าเพิ่งไปนึกถึงว่าเราจะได้กำไรเท่าไหร่ โดยการเลือกหุ้นต้องดูพื้นฐานเป็นอันดับแรก ต่อด้วยการดูกราฟเทคนิค และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและห้ามมองข้ามไปก็คือตัวผู้บริหาร นอกจากนี้ เราจะไม่ลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์อะไรก็ตามที่ทุกคนเห็นกันหมดแล้วว่าดี เพราะถ้าทุกคนรู้และแห่ซื้อกันหมด แล้วเราจะนำสินทรัพย์นั้นไปขายต่อเพื่อทำกำไรได้อย่างไร
ทั้งนี้ จากการสำรวจล่าสุด ณ วันที่ 19 มีนาคม 2564 เสี่ยยักษ์ หรือ วิชัย วชิรพงษ์ ถือหุ้นในพอร์ตรวมกันเป็นมูลค่า 4,319.50 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. หุ้น BEM สัดส่วน 67.38%
2. หุ้น STGT สัดส่วน 21.43%
3. หุ้น UPA สัดส่วน 7.31%
อื่นๆ อีก 3.89%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ส่องพอร์ตหุ้นประกันสังคม ‘กำไร-ขาด’ แค่ไหน?
- กรณีศึกษา ‘ADVANC’ หุ้นตั้งรับ ภูมิคุ้มกันสูง!
- ส่องงบ 5 หุ้นเทคโนโลยีตัวท็อป