วิวัฒนาการไวรัสกลายพันธุ์ สู้เพื่ออยู่รอด หมอยง ชี้ให้วัคซีนเร็ว ลดการระบาดและการกลายพันธุ์ได้ ท้ายสุด ไวรัสและคน ต้องอยู่ร่วมกัน ทำร้ายกันให้น้อยที่สุด
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “Yong Poovorawan” ถึง วิวัฒนาการไวรัสกลายพันธุ์ ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังต้องเฝ้าจับตาอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่า
“โควิดวัคซีน กับการกลายพันธุ์ของไวรัส
ที่ผ่านมาโควิดไวรัสได้มีการกลายพันธุ์มาโดยตลอด
จากที่เราทราบดีว่าจุดกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีน สายพันธุ์ตั้งต้นตั้งแต่เราเรียกว่าสายพันธุ์ S สายพันธุ์ L แล้วไปเจริญเติบโตเป็นสายพันธุ์ G ในยุโรป ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรุนแรง หรือมีผลในระบบภูมิต้านทาน
สายพันธุ์ G จึงพบเกือบทั่วโลกในปัจจุบัน และแตกแยกย่อยเป็นสายพันธุ์ต่างๆ เป็น GH GR และ GRY เรียกว่าการระบาดในครึ่ง ปีหลังทั่วโลกเป็นสายพันธุ์ G เป็นส่วนใหญ่แล้ว เพราะแพร่กระจายได้ง่าย
ต่อมาสายพันธุ์ GR ได้มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ที่เราเรียกสายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7 หรือถ้าเรียกตามกรดอะมิโน ก็จะเป็นสายพันธุ์ GRY (G = glycine, R = arginine, Y = tyrosine)
สายพันธุ์อังกฤษแพร่กระจายได้เร็ว เพราะเหมาะกับการจับที่ตัวจับบนเซลล์ ACE2 ขณะนี้แพร่กระจายอย่างมากในยุโรปและเข้าสู่อเมริกา
ส่วนอีก 2 สายพันธุ์ที่เราพูดถึงกันบ่อยคือ สายพันธุ์แอฟริกาใต้ และสายพันธุ์บราซิล
ทั้ง 2 สายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งสำคัญของกรดอะมิโน ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทาน
ถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้โรครุนแรงขึ้น แต่การแพร่กระจายก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เช่นกันกับสายพันธุ์อังกฤษ
เพราะมีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโน ในจุดสำคัญเช่นเดียวกับสายพันธุ์อังกฤษ จึงเป็นที่ต้องระวัง เพราะจากการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผ่านมา มีประสิทธิภาพลดลง
การกลายพันธุ์ที่จะต้องคํานึงถึง คือ ทำให้ไวรัสหรือโรคแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ลดประสิทธิภาพของวัคซีน เพิ่มหรือลดความรุนแรงของโรค ในแต่ละการกลายพันธุ์ จึงจำเป็นต้องมีข้อมูลทางคลินิก และระบาดวิทยาเข้ามาทำการศึกษาร่วมด้วย โดยมีหลักการทางทฤษฎีสนับสนุน
ประเทศไทยการระบาดในครั้งแรกเป็นสายพันธุ์ S แต่การระบาดในครั้งนี้ ที่เรียกว่าระบาดรอบใหม่ เป็นสายพันธุ์ GH และถ้าระบาดไปนาน ๆ เข้า เราเองก็จะต้องจับตามองว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางทิศทางใด
ในขณะเดียวกัน สายพันธุ์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน อย่างเช่น สายพันธุ์แอฟริกาใต้ รวมทั้งสายพันธุ์ที่กำลังตรวจสอบ อย่างเช่น สายพันธุ์ไนจีเรีย ก็มีจุดสำคัญ ในตำแหน่งที่จะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง จะต้องป้องกันไม่ให้มาระบาดในประเทศไทย
การให้วัคซีนเร็วที่สุด จะช่วยลดการระบาด และการกลายพันธุ์ได้
ขณะนี้งานวิทยาศาสตร์ สามารถถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัสได้อย่างรวดเร็ว และมีการทำกันมากทั่วโลกเป็นประวัติการณ์ ของการศึกษาไวรัส เมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา
ไม่เคยมีไวรัสตัวไหนที่มีการถอดรหัสพันธุกรรมมากมายเท่ากับไวรัส covid-19 ที่ทำกันมากทุกวันนี้ มนุษย์เองก็ต้องการที่จะเอาชนะไวรัสให้ได้
ไวรัสเองก็พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
และในที่สุด จะต้องอยู่ร่วมกัน โดยทำร้ายกันให้น้อยที่สุด”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘หมอยง’ ชี้ อนาคตวัคซีนโควิด บริษัทวัคซีนได้ประโยชน์เต็ม ๆ จากไวรัสกลายพันธุ์
- ‘หมอยง’ ชวนฉีดวัคซีน ช่วยชาติพ้นวิกฤติโควิด เปิดรับอาสาสมัคร วิจัยภูมิต้านทาน
- ‘หมอยง’ เคลียร์ชัด ทุกคำถามคาใจ วัคซีนโควิด-19