Technology

แอปเปิลเปิดตัวแมคบุ๊กแอร์-แมคมินิ-ไอแพดโปรโฉมใหม่

เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา เชื่อว่าแฟน ๆ แอปเปิลจำนวนไม่น้อยที่รอชมการประกาศเปิดตัวแมคบุ๊กแอร์, แมคมินิ และไอแพดโปรโฉมใหม่ ที่แอปเปิลจัดขึ้นที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลได้แตกไลน์ออกเป็นไอโฟน, ไอแพด, แมค, แอปเปิลวอทช์ และแอปเปิลทีวี โดยมีระบบปฏิบัติการควบคุมได้แก่ iOS, macOS, watchOS และ tvOS

apple october keynote wrap up tim
ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล

สำหรับแมคบุ๊กแอร์ในเวอร์ชันนี้มาพร้อมจอเรติน่า ขนาด 13 นิ้ว, Touch ID และโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุด โดยทำมาจากอะลูมิเนียมอัลลอยที่ออกแบบพิเศษสำหรับแอปเปิล แถมมีถึงสามสีให้เลือกได้แก่ สีทอง สีเทาสเปซเกรย์ และสีเงิน

ส่วนของการออกแบบใหม่ในแมคบุ๊กแอร์เวอร์ชันนี้คือแทร็คแพด Force Touch ขนาดใหญ่, SSD ที่เร็วขึ้น, ชิป Apple T2 และพอร์ต Thunderbolt 3 รวมถึงแบตเตอรี่ที่บริษัทอ้างว่ารองรับการใช้งานได้ตลอดวัน สำหรับคีย์บอร์ดเป็นเจเนอเรชั่นที่สามที่ออกแบบให้ด้านใต้แต่ละปุุ่มมีแบ็คไลท์จากไฟ LED และออกแบบให้แทร็กแพดมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าแมคบุ๊กแอร์รุ่นก่อนหน้าถึง 20%

MacBook Air familyในส่วนของหน้าจอเรติน่า แอปเปิลระบุว่า สามารถแสดงสีสันได้มากกว่ารุ่นก่อนหน้า 48% อีกทั้งยังมี FaceTime HD ในตัว สามารถทำ FaceTime แบบกลุ่มกับเพื่อนๆ และครอบครัวได้ ในด้านความปลอดภัย แอปเปิลระบุว่าชิป Apple T2 มีในส่วนของ Secure Enclave ที่ช่วยปกป้องข้อมูลของ Touch ID และยังช่วยรับประกันว่าการโหลดซอฟต์แวร์ในช่วงกระบวนการบูทไม่ถูกแทรกแซง ชิพ T2 มาพร้อมตัวควบคุม SSD และการเข้ารหัสข้อมูลทุกอย่างที่อยู่บน SSD ทันทีขณะใช้งาน นอกจากนี้ ชิป T2 ยังมีโปรเซสเซอร์ที่ทำงานอยู่ตลอดเวลาเพื่อรองรับการเรียกใช้ “หวัดดี Siri” อีกด้วย

ในส่วนของการทำงาน แมคบุ๊กแอร์มาพร้อมโปรเซสเซอร์​ Intel Core i5 เจเนอเรชั่นที่ 8, Intel UHD Graphics และหน่วยความจำระบบ 2133 MHz ขนาด 16GB และยังมี SSD ที่มีความจุสูงถึง 1.5TB ซึ่งแอปเปิลอ้างว่าสามารถเปิดแอพและไฟล์ต่าง ๆ ได้เร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 60% และ

MacBook Air gold

สุดท้ายคือเรื่องพอร์ตเชื่อมต่อ ที่แอปเปิลส่ง Thunderbolt 3 มาสองพอร์ต และมีขนาดตัวเครื่องโดยรวมเล็กลง 17% และบางลง 10% น้ำหนัก 2.75 ปอนด์ ซึ่งเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึงหนึ่งในสี่ปอนด์

 

ipad pro 11

ส่วน iPad Pro ที่หลาย ๆ คนว้าวกันมากกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการตัดปุ่มสแกนลายนิ้วมือออก เพื่อให้ปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า กับส่วนของตัวเครื่องที่ดูเฉี่ยวมากขึ้น น้ำหนักเบาขึ้น นอกจากนั้นยังเลิกใช้งานพอร์ต Lightning แล้วหันมาใช้งาน USB-C แทน ในจุดนี้ทำให้ไอแพดเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามรถชาร์จไฟกับไอโฟนได้ด้วย

สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วงอย่าง Apple Pencil  และสมาร์ทคีย์บอร์ด ก็ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยเพนซิลรุ่นใหม่มาพร้อมแม่เหล็ก ทำให้สามารถยึดติดกับไอแพดโปรได้ และสามารถชาร์จแบบไร้สายได้ ส่วนสมาร์ทคีย์บอร์ด ก็ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ และรองรับการใช้งานด้านความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ ได้

สำหรับไอแพดโปรรุ่นใหม่หนักเพียง 1 ปอนด์ บางเพียง 5.9 มม. ซึ่งเป็นดีไซน์ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา

mac mini top downสุดท้ายคือ Mac mini ที่แอปเปิลส่งโปรเซสเซอร์แบบ Quad-core และ 6-Core พร้อมหน่วยความจำสูงสุดที่ 64GB โดยแอปเปิลอ้างว่าทำให้ประสิทธิภาพการทำงานรวดเร็วขึ้นถึง 5 เท่า นอกจากนั้นยังมีพอร์ต Thunderbolt รวมถึงชิพรักษาความปลอดภัย Apple T2 ด้วย

ส่วนในพอร์ตเชื่อมต่อ แอปเปิลส่งพอร์ต Thunderbolt 3 มาถึง 4 พอร์ต ทำให้สามารถทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลรูปแบบต่าง ๆ จอภาพระดับ 4K และ 5K และส่งออกสัญญาณวิดีโอในสามรูปแบบ นอกจากนั้น Mac mini ยังมีพอร์ต HDMI 2.0, พอร์ต USB-A 2 พอร์ต, ช่องต่อเสียง และ Gigabit Ethernet จึงทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้แทบทั้งหมด

สำหรับราคาจำหน่ายของแต่ละรุ่น เริ่มจาก

  • iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว Wi-Fi เริ่มต้นที่ 28,900 บาท
  • iPad Pro Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นที่ 33,900 บาท
  • iPad Pro 12.9 นิ้ว Wi-Fi เริ่มต้นที่ 35,900 บาท
  • iPad Pro Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นที่ 40,900 บาท
  • แมคบุ๊กแอร์ เริ่มต้นที่ 42,900 บาท
  • แมค มินิ เริ่มต้นที่ 27,900 บาท
  • Apple Pencil 2 ราคา 4,490 บาท
  • Smart Keyboard Folio ราคา 6,490 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว และ 7,290 บาท สำหรับรุ่น 12.9 นิ้ว

 

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight