“เพราะเชื่อว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” จึงเป็นที่มาให้ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บริษัทคนไทยที่เชื่อมั่นในศักยภาพของคนไทย มุ่งมั่นดำเนินโครงการเพื่อสังคมภายใต้ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ในปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทได้เดินหน้าโครงการต่างๆ เพื่อให้ชื่อเสียงของคนไทย ไปสู่ภายนอกประเทศกว่า 17 โครงการ ผ่าน 4 ด้านหลักของโครงการ อาทิ ด้านกีฬา, ด้านดนตรี, ด้านชุมชน,ด้านการศึกษา และด้านสุขภาพ กระจายไปสู่ชุมชนทั่วทุกภูมิภาคกว่า 500 ชุมชน และพร้อมเดินหน้าสนับสนุนศักยภาพคนไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน
แนวคิดและความมุ่งมั่นในจะให้ดำเนินการในโครงการเหล่านี้ สำคัญที่สุดมาจากความตั้งใจ ที่จะให้เกิดขึ้นกับคนไทยและประเทศไทยนั่นคือคนที่ชื่อ“วิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้ซึ่งมีจิตใจเมตตากับการให้ ไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่เชิงธุรกิจอย่างเดียว จนกลายเป็นนโยบายที่ส่งต่อให้ทายาทอย่าง อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ดำเนินการต่อหลังเข้ารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์
วันนี้สิ่งที่“วิชัย ศรีวัฒนประภา” มีความมุ่งมั่นที่จะให้เกิดกับเด็กไทยและคนไทย คงเหลือแต่ความทรงจำ ความดีที่ปรากฎ แต่อย่างไรก็ดี บุคคลที่เหลืออยู่ก็จะดำเนินการมันต่อไปเพื่อประโยชน์ต่อคนไทยที่จะก้างสู่เวทีโลกต่อไป
อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เล่าวว่าโครงการคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ เกิดขึ้นหลังจากผลงานของสโมสรเลสเตอร์ขยับขึ้นจากแชมป์เปียนชิปขึ้นสู่ชั้นพรีเมียร์ลีก และก้าวสู่แชมป์ยูฟ่าแชมป์เปียนลีกในที่สุด ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ในวงการกีฬาระดับโลก ทำให้คนทั้งโลกหันมาจับตา มองประเทศไทยในมุมใหม่
โดยเชื่อว่า หากตั้งใจทำอะไรอย่างจริงจัง ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเห็นว่าคนไทยก็ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้คนทั้งโลกเห็นได้เหมือนกัน และจากจุดมุ่งมั่นในครั้งนั้น จึงส่งต่อมาเป็นนโยบายที่นำมาบริหารโครงการ คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากชุมชนต่างๆ ที่เราได้นำโครงการฯ เข้าไปจัดกิจกรรมให้
ทั้งนี้เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะนำกิจกรรมต่างๆ เข้าไปยังชุมชนเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีผ่านมา 3 เท่า โดยยังคงเน้นกิจกรรมผ่าน 4 ด้านหลักของโครงการ ได้แก่ ด้านกีฬา, ด้านดนตรี, ด้านชุมชน และด้านการศึกษา และสุขภาพ
สำหรับด้านกีฬา (SPORT POWER) เน้นคอนเซ็ปต์ “ปั้นนักกีฬาไทยสู้ลีกยุโรป” โดยมุ่งพัฒนาส่งเสริม ศักยภาพเยาวชนไทยซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศให้มีความสามารถด้านกีฬาฟุตบอลในทุกมิติตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ บริษัทฯ จึงได้จัดโครงการ ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย มอบลูกฟุตบอล จำนวน 1 ล้านลูกให้กับเยาวชน
ไทยและชุมชนเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านกีฬา โดยเมื่อปีที่ผ่านมา (กรกฎาคม 2560-กรกฎาคม 2561) ได้มอบลูกฟุตบอลให้กับเด็กไทยทั่วประเทศแล้วเป็นจำนวนกว่า 200,000 ลูก โดยตั้งเป้าแจกให้ครบ1 ล้านลูกภายในปี 2565 นอกจากนี้ ยังมี โครงการ 100 สนามพลังเยาวชนไทย ที่สร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม จำนวน 100 สนามทั่วประเทศภายใน 5 ปี หวังให้เยาวชนมีพื้นที่ออกกำลังกาย ห่างไกลจากยาเสพติด แต่สิ่งที่คิง เพาเวอร์มองไปไกลกว่านั้น คือ การมอบโอกาสให้กับเด็กๆ ที่รักกีฬาได้สานฝันของตัวเองให้เป็นจริงต่อไป โดย คิง เพาเวอร์ ได้ขยายผลโครงการไปสู่กิจกรรมที่เสริมสร้างพัฒนาการด้านกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนไทยอย่างครบวงจร อาทิ “โครงการ FOX HUNT ตามล่าจิ้งจอกสายพันธุ์สยาม”
โดยมอบทุนการศึกษาและโอกาสสำคัญในชีวิตที่เงินไม่สามารถซื้อได้ ด้วยการไป ฝึกทักษะกีฬาฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ และสโมสร OH Leuven ของประเทศเบลเยียม เพื่อต่อยอดอนาคตของนักเตะเยาวชนไทยได้มีช่องทางเข้าไปเล่นในลีกฟุตบอลระดับยุโรป
“สำหรับ FOX HUNT เป็นรุ่นที่ 3 แล้ว มีนักเรียนรุ่นแรกประสบความสำเร็จกลับมา 12 คน ได้ไปเล่นในไทยลีก อีก 4 คนไปเล่นที่ OH Leuven ผมหวังว่าวันหนึ่ง เราจะได้เห็นคนไทยเตะฟุตบอลในลีกยุโรปเลย”
ด้าน MUSIC POWER หนุนดนตรีไทยสู่โชว์ระดับนานาชาติ คนไทยเราคุ้นเคยกับ โรงละครอักษรา ในฐานะโรงละครไทยร่วมสมัยที่มีเทคนิคการแสดงแสง สี เสียงได้มาตรฐานเทียบเคียงกับโรงละครชั้นนำระดับโลกเป็นอย่างดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า โรงละครแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุนศิลปะไทย และดนตรีไทยอันทรงคุณค่าให้เคียงคู่สังคมไทย และเพื่อไม่ให้ศิลปะไทย อย่างหุุ่นละครเล็กและดนตรีไทยกลายเป็นเพียงความงดงามทางวัฒนธรรมที่ถูกมองข้ามไป และเพื่อให้ศักยภาพด้านดนตรีของคนไทยที่ถูกซ่อนไว้ได้เป็นที่ประจักษ์
เมื่อต้นปี 2560 คิง เพาเวอร์ ได้จัดโครงการแข่งขันวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทยขึ้น เพื่อให้เวทีแห่งนี้จุดประกายเสียงดนตรีให้ดังก้องกังวาลอีกครั้ง ให้โลกได้รู้พลังด้านดนตรีของคนไทยก็พร้อมอวดโฉมในระดับสากล
การสนับสนุนสินค้าไทยเป็นหัวใจสำคัญของคิง เพาเวอร์ เสมอมา จึงได้ริเริ่มกิจกรรมด้านชุมชน หรือ COMMUNITY POWER “บอกให้โลกรู้ว่าของไทยนี้ดี” เวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้สินค้าไทย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหัตถกรรม อาหาร ขนม และ ของที่ระลึกได้เฉิดฉายในสายตาคนต่างชาติ ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้หลายชุมชนทั่วประเทศ ตลอดจนคนพิการ เพราะคิง เพาเวอร์เข้าใจดีว่า สิ่งที่ชาวบ้าน ตลอดจนผู้พิการต้องการไม่ใช่ความสงสาร แต่ต้องการใช้ความสามารถและศักยภาพที่ตัวเองมีเติบโตไปพร้อมกับสังคม ยกตัวอย่าง ผลงาน “แก้วเป่า” สินค้า OTOP
ที่ขายดีที่สุดในหมวดสินค้าของที่ระลึกจากคิง เพาเวอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานชิ้นเอกนี้ คือ ภพต์ เทภาสิต ประธานสหกรณ์บริการผลิตภัณฑ์คนพิการไทย ชายหนุ่มผู้ไม่ยอมแพ้ ให้โชคชะตาหลังจากคิง เพาเวอร์ เข้าไปช่วยเพิ่มให้ความรู้ แนะนำในเชิงธุรกิจทำให้อาชีพเป่าแก้วที่เคยทำรายได้น้อยนิดหาเช้าไม่พอกินค่ำกลายเป็นอาชีพเงินล้าน
ท้ายสุดกับอีกหนึ่งความสำเร็จของการพาสินค้าชุมชนไปอวดสายตาชาวโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ คือ คอลเลกชั่น INDIGO (อินดิโก้) สำหรับเป็นของที่ระลึกสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ นำไปวางจำหน่าย ณ เดอะ ซิตี้ แฟนสโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
ผลงานแห่งความภาคภูมิใจนี้ คิง เพาเวอร์ ทำหน้าที่เป็นคู่คิดและคู่ค้าร่วมกับชุมชนบ้านนาขาม จังหวัดสกลนคร โดยยังคงชูจุดแข็งและภูมิปัญญาของชาวบ้านไว้ และต่อยอดสินค้าให้ตอบโจทย์ตลาดต่างประเทศ และเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้า
คิง เพาเวอร์ฉีกกรอบการช่วยเหลือด้านสาธารณสุขแบบเดิมๆ ด้วยการสร้างคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ผ่าน EDUCATION & HEALTH POWER “คุณภาพชีวิตที่ดีต้องมาก่อน” อย่างโครงการ“พลังคนไทย สุขาสุขใจ” ที่ออกแบบและมอบสุขาในรูปแบบสากล สำหรับชาย หญิง และผู้พิการ เพื่อให้เป็นห้องน้ำของทุกคนอย่างแท้จริง สะดวก สบาย ปลอดภัย พร้อมดำเนินการจัดสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อไปติดตั้งยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวไทยให้กับชาวไทยและต่างชาติครบทุกมิติ
ในส่วนของการศึกษา คิง เพาเวอร์ ได้ร่วมสร้างอนาคตเด็กไทยผ่าน มูลนิธิคิง เพาเวอร์ มายาวนานถึง 13 ปี เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทุ่มเทกับการเรียนอย่างเต็มที่ คิง เพาเวอร์ ไม่เพียงสนับสนุนอุปกรณ์การเรียน สื่อการเรียน การสอน ช่วยซ่อมแซมอาคารเรียนและสร้างห้องสมุด สร้างรากฐานอนาคตที่ดีให้คนไทยมีโอกาสไปหาความรู้ในต่างประเทศเพื่อกลับมาช่วยพัฒนาประเทศ ด้วยการร่วมกับมหาวิทยาลัย เลสเตอร์ มอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโทให้กับคนไทย
“ผมว่าคำว่า Thai power หรือพลังคนไทย มันชัดเจนมาก เพราะถ้าเราพลังคนไทยมารวมกัน แล้วก็ทำในสิ่งที่ดีต่อสังคม ช่วยกันพัฒนาประเทศ ผมว่าสิ่งที่ดีและสิ่งที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างแน่นอน” อัยยวัฒน์ กล่าว
1. ด้านกีฬา (Sport Power) ปี 2560
โครงการ 100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย ปี 2560 สร้างเสร็จเรียบร้อย 20 สนาม
โครงการล้านลูกล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย ปี 2560 มอบลูกฟุตบอลให้กับเยาวชนไทยใน 77 จังหวัด จำนวน 200,000 ลูก
โครงการคลินิกฟุตบอล ปี 2560 จัดสอนเทคนิคการเล่นฟุตบอลจากผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพแก่คณะอาจารย์และนักเรียนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
โครงการ King Power’s Cup ปี 2560 จัดการแข่งขันฟุตบอลระดับเยาวชนทั่วประเทศ โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 200 โรงเรียน /ปี
โครงการส่งนักเตะไทยไปเบลเยี่ยม ครั้งแรกที่นักเตะไทยได้เข้าไปเซ็นสัญญาเป็นนักเตะให้ทีมสโมสรของยุโรปอย่างมืออาชีพ
โครงการ Fox Hunt ตามล่าจิ้งจอก สายพันธุ์สยาม ค้นหาเยาวชนไทยที่มีความสามารถและทักษะทางด้านฟุตบอลที่โดดเด่น ให้ได้ไปเรียนรู้และพัฒนาการเล่นฟุตบอลอย่างมืออาชีพกับ Leicester City Academy ที่ประเทศอังกฤษ ภายใต้โครงการ” Leicester City International Academy “ เป็นระยะเวลา 2 ปีครึ่ง ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ที่ผ่านมามีเยาวชนที่ร่วมโครงการ 40 คน โดยปี2560 เป็นรุ่นที่ 3
2. ด้านดนตรี (Music Power) ปี 2560
โครงการ การประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทยประจำปี 2561 (Thailand International Wind Symphonic Competition 2018) มีวงส่งเข้าสมัครร่วมแข่งขันกว่า 80 วง
3. ด้านชุมชน (Community Power) ปี 2560
1.. โครงการ Indigo ผ้าคราม จังหวัดสกลนคร
2.. โครงการ สนับสนุนสินค้า OTOP จัดหาพื้นที่ให้จำหน่ายมากว่า 100 แบรนด์สินค้า ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ศาลาไทย และกระทรวงมหาดไทย พัฒนาสินค้าไทย
3. โครงการ ส่งเสริมพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ คิง พาวโรล (น้ำตาล/แป้ง/มะพร้าว รวม 3 ชุมชน) บางกอกคุ้กกี้ (ข้าว/น้ำมัน/เครื่องเทศ มากกว่า 3 ชุมชน) และสินค้าฟรีซดราย (ผลไม้สด มากกว่า 3 ชุมชน)
4. โครงการ พลังคนไทย สุขา สุขใจ สร้างห้องน้ำในชุมชนแหล่งท่องเที่ยว จำนวน 6 แหล่ง สร้างเสร็จเรียบร้อย จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ และทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี กำลังดำเนินการอีก 4 แห่ง ได้แก่ วัดโพธิ์ชัย จังหวัดหนองคาย, สวนสาธารณะศรีเมือง จังหวัดน่าน, อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
4. ด้านการศึกษาและสาธารณสุข (Education & Health Power) ปี 2560
ด้านการศึกษา
1. โครงการ มอบทุนการศึกษาระดับปริญญาโท จำนวน 10 ทุน โดยกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์จับมือกับมหาวิทยาลัย เดอ มงฟอร์ต ประเทศอังกฤษ
2. โครงการ มอบทุนการศึกษาวันเด็ก จำนวน 20 โรงเรียน
3. โครงการ For U (University) โครงการส่งเสริมความรู้ให้กับนักศึกษาในสถาบันการศึกษาจำนวนกว่า 15 สถาบันการศึกษา โดยจัดพาเยี่ยมชมศึกษาดูงาน รับฝึกงาน และรับบรรจุเข้าเป็นพนักงานต่อไป จำนวน 15 สถาบันการศึกษา
1. มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม
2. มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์
3. มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
4. มหาวิทยาลัยเกริก
5. มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (หัวหิน)
6. มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
7. มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพฯ
8. สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
9. มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
10. มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
11. มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน
12. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
13. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล บพิตรพิมุข
14. มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตชลบุรี
15. มหาวิทยาลัยชนชาติกว่างสี วิทยาเขตเซียงซือหู (สาธารณรัฐประชาชนจีน)
ด้านสาธารณสุข
1. โครงการ ก้าวคนละก้าว เพื่อหาเงินช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาล
2. โครงการ พลังคนไทย พลังใจให้ชีวิต มอบตู้อบเด็กให้กับ 20 โรงพยาบาลทั่วทุกภูมิภาค
สำหรับในปี 2561 ยังคงดำเนินโครงการต่อเนื่องจากปี 2560 โครงการ King Power Thai Power Thai Power พลังคนไทย โดยส่งเสริมใน 4 ด้านหลักอย่างต่อเนื่อง และใน 8 เดือนที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการไปแล้วดังนี้
1. ด้านกีฬา ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการสนับสนุน จำนวน 20 แห่ง เรียบร้อยแล้ว และกำลังดำเนินการเข้าพื้นที่ก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จที่ 20 สนาม ภายในเดือนมีนาคม 2562
2. ด้านดนตรี อยู่ระหว่างวางแผนการจัดงาน การประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทยประจำปี 2562 ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล
3. ด้านชุมชน โครงการพลังคนไทย สุขา สุขใจ ได้ประกาศชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนการสร้างห้องน้ำไปแล้วจำนวน 6 แห่ง สร้างเรียบร้อย 2 แห่ง กำลังดำเนินการก่อสร้างห้องน้ำที่เหลือ 4 แห่ง
4. ด้านการศึกษาและสาธารณสุข ปีนี้เราก็ยังสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อหารายได้สมทบทุนมอบให้โรงพยาบาลศิริราช เพื่อนำไปจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับตึกนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา ส่วนโครงการอื่นๆ อยู่ในขั้นตอนดำเนินงานเช่นกัน
