Business

‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3’ โกงเป็นเหตุ! สายเที่ยวน้ำตาตก ครม.ตีกลับขยาย 2 ล้านสิทธิ์

 เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3  ครม.ตีกลับขอขยาย 2 ล้านสิทธิ์ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน หลังพบยังเกิดปัญหาการทุจริต สั่งททท.เร่งหาทางจัดการก่อเสนอกลับครม.อีกครั้ง 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ เราชนะ โพสต์ข้อความระบุว่า สายเที่ยวน้ำตาตกใน ครม.ไม่เห็นชอบ ขยายสิทธิ์ 2 ล้านสิทธิ์ “เราเที่ยวด้วยกัน” ‼️

โดยเบื้องต้นสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กลับไปพิจารณาเพิ่มเติมให้รัดกุม ป้องกันการทุจริตให้ดีเสียก่อน และค่อยกลับมานำเสนอใหม่อีกครั้งหนึ่ง

สำหรับโครงการเราเที่ยวด้วยกันที่ผ่านมา นับว่ามีการทุจริตกันอย่างมากมาย และเป็นสาเหตุให้สิทธิ์เต็มอย่างรวดเร็ว หากยังไม่แก้ไข 2 ล้านสิทธิ์ก็คงไม่พอ

'เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 รอเก้อ

ขณะที่นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าโครงการ เราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 เดิมจะมีการขยายสิทธิ์เพิ่มให้ แต่ครม.ยังไม่เห็นชอบรายละเอียด ของการขยายสิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน  ขณะนี้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปพิจารณาเพิ่มให้รัดกุม ในการกำหนดแนวทางการป้องกันการทุจริตเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม

โดยจะนำกลับเข้ามาเสนอคณะกรรมการเงินกู้ในลักษณะโครงการเราเที่ยวด้วยกันเดิม หรือ เป็นการออกแบบรูปแบบใหม่ ซึ่งครม.ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาเพื่อดำเนินการในรายละเอียด และเสนอเข้าครม.อีกครั้ง

แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม. กล่าวว่าทางททท.ได้เสนอขอปรับปรุงรายละเอียดโครงการ  โดยขอขยายจำนวนสิทธิ์เพิ่มอีก 2 ล้านสิทธิ์ และขยายเวลาการดำเนินโครงการจากเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2564 และเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 เป็นสิ้นสุดการใช้สิทธิ์วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 และเบิกจ่ายงบประมาณถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 โดยใช้จ่ายจากวงเงินเดิม 15,000 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าตามที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) นำโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3  ตามที่ททท.เสนอเข้ามา เพื่อจะเพิ่มสิทธิ์จองห้องพักอีก 2 ล้านห้องใหม่ หลังจำนวนสิทธิ์จองห้องพักทั้ง 6 ล้านห้องเดิมจากเฟส 1 และเฟส 2 หมดไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ตามเงื่อนไขของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐบาลต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชนผ่านการท่องเที่ยวภายในประเทศ ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง สนับสนุนการสร้างงานและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม

ประเภทกิจการที่สามารถเข้าร่วมโครงการ
โรงแรม/ที่พัก ที่มีใบอนุญาตประกอบการธุรกิจโรงแรม และโรงแรมที่พักที่ไม่มีใบอนุญาตแต่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.20 )
ร้านอาหาร
สถานที่ท่องเที่ยว ตามรายชื่อของ ททท.
ร้าน OTOP ที่มีใบอนุญาตประกอบการตามกระทรวงมหาดไทย
สปา/นวดเพื่อสุขภาพ (มีใบรับรองมาตรฐานสถานประกอบการ)
รถเช่า /เรือเช่า (มีใบอนุญาตประกอบกิจการ)

รายละเอียดโครงการ
สนับสนุนส่วนลดค่าโรงแรมที่พัก
รัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรม 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน
จำกัดสิทธิคนละไม่เกิน 15 ห้อง หรือ 15 คืน (เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 2563 เป็นต้นไป)
เมื่อจองที่พักแล้ว ไม่สามารถยกเลิกการจองหรือเปลี่ยนแปลงภายหลังได้

สนับสนุนส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว
รัฐบาลจะสนับสนุนคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวมูลค่า 900* บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชน เมื่อ check-in โรงแรมสำเร็จ
*วันจันทร์-พฤหัสบดี รับ 900 บาท และ วันศุกร์-อาทิตย์ รับ 600 บาท
จะได้รับคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว วันละ 1 ครั้ง หลังเวลา 17:00 น. ของวัน check-in โดยคูปองจะหมดอายุเวลา 23:59 น. ของวัน check-out
คูปองอาหาร/ท่องเที่ยวสามารถใช้ได้ที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยประชาชนชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง

'เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3

สนับสนุนค่าเดินทางโดยเครื่องบิน
ประชาชนที่เข้ามากรอกข้อมูลเพื่อรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินจะต้องเป็นผู้ที่จองโรงแรมผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเท่านั้น โดยมีสิทธิในการได้รับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 สิทธิผู้โดยสาร ต่อ 1 ห้องโรงแรมที่จอง ทั้งนี้เงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 2,000 บาท ต่อผู้โดยสาร (เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2563 เป็นต้นไป)
สิทธิเพิ่มเติมรับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย สำหรับผู้ที่ออกตั๋วเดินทาง และเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป

ประชาชนต้องจ่ายเงินค่าตั๋วเต็มจำนวนไปก่อน ณ ตอนจองตั๋วเครื่องบิน และต้องมีการเดินทางในเที่ยวบินนั้นจริง รวมถึง check-in และ check-out ที่โรงแรมที่จองไว้กับโครงการจริง
ตั๋วเครื่องบินเป็นประเภทไปหรือกลับ หรือทั้งไปและกลับจากจังหวัดที่อยู่ภาคเดียวกันจังหวัดที่จองโรงแรม (กรณีขึ้นลงคนละจังหวัดก็สามารถทำได้ กับเป็นจังหวัดที่อยู่ในภาคเดียวกันกับจังหวัดที่จองโรงแรม)
วันที่เดินทางไปหรือกลับ ต้องไม่ห่างจากวัน check-in หรือ check-out โรงแรมที่จองผ่านโครงการไม่เกิน 5 วัน และการเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวจะต้องอยู่ภายใน 30 เมษายน 2564 จากแผนเดิม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight