Properties

“ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9″โฮมออฟฟิศหรูราคาเริ่มต้น 26.9 ล้านบาท

จำนวนที่ดินในเมืองสำหรับการพัฒนาใหม่ โดยเฉพาะกรุงเทพชั้นเหลือน้อยเต็มที และราคาได้ขยับขึ้นสูง ดังนั้นโฮมออฟฟิศที่อยู่ตามรอยต่อพื้นที่กรุงเทพชั้นใน จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ จุดประกายให้ดิเวลลอปเปอร์หน้าใหม่ บริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด  เปิดตัวโครงการ ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9 (The Element Rama 9) ที่เน้นจุดขายโฮมออฟฟิศหรู 5 ชั้น บนทำเลถนนพระราม9 เดินทางสะดวก ไม่ว่าจะไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือย่านอโศก ทองหล่อ เอกมัย

khun boss element1
นายธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล กรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด

นายธนะสิทธิ์ เฟื่องไพศาล  กรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์มาร์ค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดเผยว่า “โครงการดิ เอเลเมนท์ พระราม 9” เกิดจากความตั้งใจที่จะทำให้โครงการนี้ ตอบโจทย์สำหรับนักธุรกิจรุ่นใหม่ ผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในทำเลที่มีศักยภาพ แบ่งพื้นที่ใช้สอยเพื่อทำงานและอยู่อาศัยอย่างลงตัว รองรับพนักงานได้ประมาน  25-30 คน มาพร้อมกับการออกแบบที่ทันสมัย ด้วยคอนเซ็ปท์ Design Modern Luxury โดยใช้รูปทรงสีเหลี่ยมเรียบง่าย แต่เพิ่มมิติให้ตัวอาคารด้วยการใช้วัสดุที่หลากหลาย ทั้งเหล็ก ปูน กระจก และไม้ มีพื้นที่ธรรมชาติในบ้านหลายส่วน โดยพื้นที่ชั้น1 เป็นที่จอดรถสามารถจอดรถได้ 6-8 คันและส่วนของ Reception  สำหรับต้อนรับผู้มาติดต่อ พื้นที่ชั้น 2 ออกแบบให้มีระเบียงกว้าง กระถางต้นไม้ที่มีความลึกพอปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ เพื่อบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติร่มรื่น ในส่วนชั้นสำนักงาน รวมถึง ชั้น3,4 พื้นที่ ภายในที่เว้นไว้สำหรับปรับพื้นที่ให้เข้ากับความต้องการการใช้งาน ให้ตรงกับลักษณะของธุรกิจที่ทางลูกค้าต้องการ ชั้น 5 หรือชั้นบนสุด เป็นส่วน Master Bedroom มีระเบียงขนาดใหญ่สำหรับจัดสวนชั้นดาดฟ้า เพื่อพักผ่อนหย่อนใจในสวนได้อย่างเป็นส่วนตัว

Exterior view3
โครงการ ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9

จุดเด่นของโครงการนี้คือ “ทำเล” ที่ตั้งโครงการอยู่ถนนพระราม 9 ตัดใหม่ เดินทางสะดวกไม่ว่าจะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ อโศก ทองหล่อ เอกมัย ใช้เวลาเพียง 15 นาที ใกล้โครงการ เดอะ ไนน์  พระราม 9 เพียง 150 เมตร และแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ มอเตอร์เวย์ ทางด่วนพระราม 9 และทางด่วนศรีรัช

ทำเลนี้ในอนาคตจะมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ได้แก่   รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว – สำโรง (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563), รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ – หัวหมาก (คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน – มีนบุรี (คาดว่าแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566) ทำเลที่ตั้งโครงการจึงนับเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่สำคัญ

คอนเซ็ปท์ใหม่เจาะนักธุรกิจไซส์เอ็ม

ด้านคุณภาพโครงการนี้ ออกแบบให้ตอบโจทย์นักธุรกิจรุ่นใหม่  เนื่องจากมีผลวิจัยพบว่าพื้นที่ย่านพระราม9 ตัดใหม่ เป็นทำเลที่คนใช้พื้นที่แบบโฮมออฟฟิศ กันค่อนข้างมาก แต่เป็นการดัดแปลงพื้นที่ตัวบ้านมาเป็นออฟฟิศ ทำให้พื้นที่ใช้สอยไม่ลงตัวนัก การดีไซน์ “โครงการ ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9” จึงพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ดัวกล่าว ด้วยฟังก์ชั่นการใช้สอยทั้งพื้นที่ใช้สอยเพื่อทำงานและอยู่อาศัยอย่างลงตัว และการเลือกใช้วัสดุอุปรณ์ที่มีคุณภาพ เพิ่มมิติให้กับตัวอาคารสร้างความแตกต่างอย่างมีสไตล์ จึงตอบโจทย์นักธุรกิจรุ่นใหม่ หรือผู้ที่ต้องการขยายธุรกิจในทำเลที่มีศักยภาพ

working space3
โซนพื้นที่สำนักงาน

ในด้านราคา เพราะถนนเส้นนี้อยู่ใกล้ย่านอโศก ทองหล่อ เอกมัย เขตุ CBD ที่มีการปรับขึ้นของราคาที่ดินอย่างต่อเนื่องทุกๆปี ที่นี่ “โครงการ ดิ เอเลเมนท์ พระราม 9” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรอยต่อของย่านธุรกิจและที่อยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบ จึงคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งสามารถเปลี่ยนค่าเช่าเป็นการผ่อนธนาคาร ตอบโจทย์นักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ ที่ต้องการสร้างความสมดุลชีวิตที่ลงตัว ทั้ง  Working life และ Serenity Living ด้วยการจัดสรรพื้นที่เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ผสานรูปแบบสถาปัตยกรรม ที่สอดคล้องกับธรรมชาติ

“ผมมองว่าคนที่ทำธุรกิจ size m ที่มีกำลังซื้อและอยากขยายธุรกิจ หรือมองหา ที่ทำงานในทำเลที่ดีและอยู่อาศัยในที่เดียวกันอย่างลงตัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันยังมีอีกมากและตัดสินใจไม่ยาก ที่จะเปลี่ยนจากการจ่ายค่าเช่าเป็นผ่อนกับทางธนาคารเพื่อซื้อขาด” ธนะสิทธิ์  กล่าวและว่า โครงการนี้น่าจะรองรับความต้องการในตลาดได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันการก่อสร้างโฮมออฟฟิศเฟสแรกจำนวน 14 หลังเกือบแล้วเสร็จ  ได้ปรับราคาขายเริ่มต้นเป็น  26.9 ล้านบาท ตามกลไกตลาดและราคาที่ดิน

โครงการดิ เอเลเมนท์ พระราม 9 มีมูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท เป็นการพัฒนาพื้นที่โดยรวม 4 ไร่ เฟสแรก 2 ไร่ จำนวน 14 ยูนิต  ขณะนี้ปิดการขายได้แล้ว 50% ของทั้งโครงการ วางตำแหน่งโครงการเป็นโฮมออฟฟิศระดับลักซ์ชัวรี่ รองรับกลุ่มเป้าหมายที่มองเห็นถึงศักยภาพของที่ดินและมีกำลังซื้อสูง  พัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศ 5 ชั้น  ระดับพรีเมี่ยม สไตล์ Modern Luxury พร้อมลิฟท์ส่วนตัว จัดสรรพื้นที่เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ผสานรูปแบบสถาปัตยกรรม ที่สอดคล้องกับธรรมชาติ โดยชั้น 1 เปิดให้เห็นความกว้างของส่วนต้อนรับ ด้วยดีไซน์ที่เรียบโก้จากเส้นสายและวัสดุ หน้ากว้าง 7.5 เมตร พร้อมที่จอดรถ 6-8 คัน พร้อมส่วน Reception Space เมื่อเข้ามาในอาคาร ชั้น 2 พื้นที่ Working Space ให้รูปแบบการทำงานที่เปิดโล่ง ตอบโจทย์และรองรับการจัดสรรพื้นที่ เพื่อการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ, ระเบียงกว้าง ใช้งานได้จริง โดดเด่นด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น ชั้น 3 พื้นที่สำหรับห้องประชุมที่จะรับรองลูกค้าระดับ Exclusive และ Executive Office ของเจ้าของธุรกิจ แยกเป็นสัดส่วน ครบทุกฟังก์ชัน, ศูนย์กลางที่สร้างสมดุลของบริษัทสู่ความสำเร็จกับลูกค้าที่หลากหลาย, Meeting Area ห้องประชุมที่ลงตัว จุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์ ผลงานที่ดีเพื่อพัฒนาต่อยอดความสำเร็จอย่างมั่นคง

master bed
ห้องนอนหลัก

พื้นที่ชั้น 4-5  มุมพักผ่อนส่วนตัว Eternity & Personal Life ที่มีสไตล์ Modern & Leisure สู่การพักผ่อนส่วนตัวอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่า พื้นที่ชั้น 4 แบ่งเป็นห้องรับประทานอาหารขนาด 10 ที่นั่งและห้องครัวขนาดพอดี จัดสรรพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว ส่วนชั้น 5 เป็นห้องนอนหลัก กว้างขวาง ดีไซน์เพื่อการใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ

พระราม9-ประดิษฐ์มนูธรรมแหล่งโฮมออฟิศ

ด้านนาย พนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด  เปิดเผยว่าทำเลบริเวณพระราม 9, รามคำแหง, ประดิษฐ์มนูธรรม (เอกมัย-รามอินทรา)และศรีนครินทร์ นับเป็นทำเลศักยภาพแห่งใหม่ของการพัฒนาโฮมออฟฟิศ เนื่องจากใกล้ตัวเมืองและเป็นเขตรอยต่อของย่านธุรกิจ ย่านรัชดา, พระราม9, ทองหล่อและสุขุมวิท  อีกทั้งใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์, มอเตอร์เวย์, ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัช โดยทำเลนี้ยังใกล้ห้างสรรพสินค้า เดอะไนน์พระราม9, เดอะมอลล์รามคำแหง และโรงพยาบาลชั้นนำอย่าง โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์, โรงพยาบาลรามคำแหง รวมถึงสถานศึกษาสำคัญ เช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, มหาวิทยาลัยรามคำแหง, มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ

Supplyrama9

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ที่เข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับทำเลนี้ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง (คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563), รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ-หัวหมาก (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี (คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566)

สำหรับอุปทานตลาดโฮมออฟฟิศบริเวณพระราม 9 – รามคำแหง – ประดิษฐ์มนูธรรม – ศรีนครินทร์ จากปี 2554 จนถึง ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 มีจำนวนอุปทานสะสมทั้งสิ้น 1,461 หน่วย โดยปีที่มีอุปทานเข้าสู่ตลาดมากที่สุดในปี 2557 ซึ่งมีโครงการโฮมออฟฟิศเปิดใหม่ถึง 512 หน่วย จากผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็กในตลาด อย่างไรก็ตาม อุปทานใหม่ตั้งแต่ปี 2558 – 2560 อยู่ในระดับคงตัวเฉลี่ย 215 หน่วยต่อปี ในขณะที่ 2 เดือนแรกของปี 2561 นั้น มีอุปทานใหม่เข้ามาในพื้นที่ศึกษาเพียง 8 ยูนิต เป็นที่น่าสังเกตุว่าเฉพาะปี 2557 อุปทานกว่า 60% อยู่ในพื้นที่รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม คาดการว่าเกิดจากความตื่นตัวของผู้ประกอบการที่ได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มในช่วงสองปีก่อนหน้านี้

โฮมออฟฟิศเกรดพรีเมียมคู่แข่งน้อย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจาะลึกลงไปที่อุปทานใหม่เฉพาะโฮมออฟฟิศระดับไพร์ม ซึ่งมีราคาขายต่อยูนิต 20 ล้านบาทขึ้นไป มีเพียง 149 ยูนิตเท่านั้นที่เปิดตัวระหว่างปี 2554 – ก.พ. 2561 โดย 47% ของอุปทานใหม่ทั้งหมดตั้งอยู่ในทำเลพระราม 9 ในขณะที่อีก 42% และ 11% ตั้งอยู่ในทำเลรามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม และศรีนครินทร์ ตามลำดับ ซึ่งโฮมออฟฟิศระดับไพร์มนี้ทั้งหมดตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังจุดต่างๆของเมืองได้อย่างสะดวกสบาย รายล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคสาธารณูปการครบครัน มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 450 – 1,140 ตร.ม. เนื้อที่ดินขนาดตั้งแต่ 39 – 120 ตร.ว.ต่อยูนิต และมีหน้ากว้างเฉลี่ย 6-11 ม. ส่วนใหญ่มีลิฟต์โดยสาร สวน รวมถึงมีพื้นที่จอดรถได้มากกว่า 6 คันต่อยูนิต

ด้านอุปสงค์โฮมออฟฟิศที่เปิดขายในย่านพระราม 9-รามคำแหง-ประดิษฐ์มนูธรรม-ศรีนครินทร์นั้น ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ซื้อ โดยโครงการที่เปิดตัวระหว่างปี 2556 – เดือนกุมภาพันธ์ปี 2561 มีอัตราการขายเฉลี่ย ณ ปัจจุบันประมาณ 80% ในขณะที่โครงการที่เปิดตัวระหว่างปี 2554 – 2555 นั้นปิดไปการขายไปหมดแล้ว ส่วนโครงการที่เปิดตัวใหม่ในปี 2560 มีอัตราการขายเฉลี่ยประมาณ 70% และด้านแนวโน้มตลาดที่บ่งชี้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโฮมออฟฟิศเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆสำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการมีสำนักงานขนาดเล็กของตนเอง ในทำเลใกล้ศูนย์กลางธุรกิจและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายอื่นๆ

supplyrama96

ในด้านราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยของโครงการโฮมออฟฟิศที่เปิดตัวใหม่ ณ ปี 2560 ในพื้นที่ศึกษา อยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 50,300 บาท โดยโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พระราม 9 มีราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ประมาณ 67,500 บาท ในขณะที่โครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รามคำแหงและศรีนครินทร์ มีราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยต่อตารางเมตรอยู่ที่ประมาณ 34,600 บาท และ 49,000 บาท ตามลำดับ  ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเฉพาะโฮมออฟฟิศระดับไพร์มในพื้นที่ศึกษา ซึ่งมีราคาขายต่อยูนิตตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป และเปิดตัวในปี 2560 มีระดับราคาขายเริ่มต้นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 63,300 ต่อตารางเมตร

เมื่อวิเคราะห์รวมไปถึงตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าในพื้นที่เดียวกัน โดยพิจารณาเฉพาะตึกที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี พบว่าอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 6% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี การเป็นเจ้าของโฮมออฟฟิศจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการ เนื่องจากช่วยลดต้นทุนค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน และควบคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดีในระยะยาว

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight