The Bangkok Insight

29 ปีความฝัน-ความสำเร็จ บนเส้นทางธุรกิจ ‘เจ้าสัววิชัย’  

29.02
งานฉลอง 29 ปี คิง เพาเวอร์

เพิ่งจัดงานใหญ่ฉลอง 29 ปี “คิง เพาเวอร์” ไปเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2561 ที่ “คราวน์ เอเทรียม คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” ศูนย์บัญชาการใหญ่ของกลุ่มธุรกิจคิง เพาเวอร์ ภายใต้การนำของ “วิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้ก่อตั้งบุกเบิกและบริหารสร้างความเติบโต จากธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีเล็กๆ จนกลายเป็นอาณาจักรแสนล้านในปัจจุบัน แม้วันนี้จะไม่มี “ประธานวิชัย” แล้ว แต่อาณาจักรคิง เพาเวอร์ยังยืนหยัดต่อไป ภายใต้การบริหารของทายาทผู้สืบทอด

ย้อนกลับไปวันแรกที่เริ่มต้นธุรกิจ 18 ตุลาคม 2532  บริษัท เจ.เอ็ม.ที.กรุ๊ป จำกัด ถูกก่อตั้งขึ้นและเป็นต้นกำเนิดของกลุ่มธุรกิจคิง เพาเวอร์ในปัจจุบัน โดยหลังจากก่อตั้งบริษัทไม่นานก็เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท คิงเพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด เข้ารับสัมปทานจากการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย(ทอท.) จำหน่ายสินค้าปลอดภาษี ภายในสนามบินนานาชาติกรุงเทพ(ดอนเมือง) สนามบินเชียงใหม่ ภูเก็ต และหาดใหญ่

vichai22
วิชัย ศรีวัฒนประภา

เจ้าสัววิชัย เริ่มชีวิตธุรกิจค่อนข้างเร็วโดยขณะที่เริ่มต้นเมื่อปี 2532 “วิชัย รักศรีอักษร” (นามสกุลเดิม) มีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น เขาก้าวเข้าสู่ธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีเป็นรายแรกของไทย ที่ได้รับสัมปทานทำร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินดอนเมือง, เชียงใหม่, ภูเก็ต, และหาดใหญ่ แต่เพียงผู้เดียว ภายใต้สัญญาที่ยาวนานถึง 10 ปี

กิจการร้านค้าปลอดภาษีของคิง เพาเวอร์ เติบโตเรื่อยมา และยังคงได้สิทธิ์การเป็นร้านค้าปลอดภาษี ที่ให้บริการในสนามบินหลักของไทยเพียงรายเดียวมาอย่างต่อเนื่อง กิจการหลักของคิง เพาเวอร์ คือการได้รับสัมปทานจากการท่าอากาศยานไทย ให้เข้าบริหารพื้นที่สินค้าปลอดภาษี ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และสนามบินในหัวเมืองใหญ่ ซึ่งเดิมทีสัมปทานจะสิ้นสุดในวันที่ 27 กันยายน 2559 แต่ได้รับการขยายเวลาออกไปเป็น 27 กันยายน 2561 ก่อนจะได้รับการขยายเวลาอีกครั้งไปสิ้นสุด 27 กันยายน 2563

29.01
ส่วนหนึ่งของกิจกรรมฉลอง 29 ปีคิง เพาเวอร์

ธุรกิจหลักของเจ้าสัววิชัย คือ “อาณาจักรคิง เพาเวอร์” ที่มีรายได้จากยอดขายเข้ามาต่อเนื่องทุกวัน

ตลอด 29 ปีการเติบโตของคิง เพาเวอร์เดินหน้ามาด้วยดี แม้จะมีปัญหาเป็นคดีความปลีกย่อยอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งคิง เพาเวอร์ก็ผ่านมาได้ และยังคงบริหารธุรกิจเป็นปึกแผ่น สร้างอาณาจักรธุรกิจมูลค่ากว่า 1.62 แสนล้านบาท ตามการจัดอันดับข้อมูลมหาเศรษฐีไทยปี 2560 จากฟอร์บส์แมกกาซีน ซึ่งเจ้าสัววิชัย อยู่ในอันดับที่ 5

29.03
กิจกรรมด้านกีฬาการกุศล

ความสำเร็จด้านธุรกิจของเจ้าสัววิชัย หากดูจากผลประกอบการปี 2560 รายได้จากทั้ง 6 บริษัทในกลุ่มคิง เพาเวอร์ มีรายได้รวม 103,644 ล้านบาท และมีกำไร 7,692 ล้านบาท เรียกว่าเติบโตอย่างสวยงามจาก 6 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกันอันประกอบด้วย

  • บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประกอบธุรกิจร้าค้าปลอดภาษี ถนนรางน้ำ, พัทยา และสมุทรปราการ
  • บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ประกอบธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี ภายในสนามบินทั่วประเทศ ที่ดูแลโดยท่าอากาศยานไทย (AOT)
  • บริษัท คิง เพาเวอร์ แท็กซ์ฟรี จำกัด ประกอบกิจการขายสินค้าของที่ระลึก และสินค้าไทย ที่สนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ
  • บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด  ประกอบธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งหมด รวมทั้งปล่อยเช่าภายในสนามบินสุวรรณภูมิ
  • บริษัท คิง เพาเวอร์ มาเก็ตติ้ง แอนด์ เมเนจเมนท์ จำกัด ประกอบธุรกิจขายสินค้าปลอดภาษีบนเครื่องบินให้กับ การบินไทย, ไทยสมายล์, ไทยแอร์เอเชีย, และไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์
  • บริษัท คิง เพาเวอร์ โฮเทล แอนด์ เมเนจเมนท์ จำกัด ประกอบธุรกิจโรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ

8 ปีกับธุรกิจฟุตบอลสานฝัน-สร้างชื่อคนไทย  

ในขณะที่การเติบโตทางธุรกิจของคิง เพาเวอร์เดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง เจ้าสัววิชัย ก็ได้สานความฝันในความเป็นคนรักกีฬาฟุตบอลมาแต่ไหนแต่ไร ตามคำให้สัมภาษณ์ของ “อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” บุตรชายคนเล็กที่เข้ามาสานต่อธุรกิจคิง เพาเวอร์ ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ในปัจจุบัน

“คุณพ่อกับผมชอบดูฟุตบอลด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก และเคยได้ยินคุณพ่อพูดให้ฟังอยู่เป็นประจำว่า เออ..วันหนึ่งจะมีทีมฟุตบอลอังกฤษเป็นของตัวเองไหมน่ะ..  ถึงจะเป็นการพูดเล่นสนุกๆ ตอนดูบอล แต่เราก็รู้ว่านั่นเป็นความฝันลึกๆ ของคุณพ่อ” อัยยวัฒน์ ย้อนอดีตเมื่อกว่า 15 ปีที่แล้วผ่านการให้สัมภาษณ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งบทสนทนานี้เกิดขึ้นก่อนหน้าที่เจ้าสัววิชัย จะเข้ามาซื้อทีมฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ เมื่อ 8 ปีก่อน

อัยยวัฒน์ ยังเล่าอีกว่า “King Power น่าจะเป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกๆ ที่เข้ามาซื้อสปอนเซอร์ป้ายข้างสนามในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเลยมั้งครับ ตอนนั้นคุณพ่อเขียนแค่คำเดียวเลยว่า Welcome to Thailand ท่านคิดง่ายมากเลย บอกว่าพอคนมาเที่ยวเมืองไทย เดี๋ยวเขาก็ต้องซื้อของเราเองนั่นแหละ”

นั่นคือวิชั่นในการเชื่อมโยงธุรกิจหลัก คืออาณาจักรดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ กับธุรกิจฟุตบอล ที่เจ้าสัววิชัย เข้าไปลงทุนเมื่อปี 2553 โดยการเข้าซื้อหุ้นทีมสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ ใช้เงินไปราว 5,000 ล้านบาท ได้เป็นเจ้าของและประธานสโมสรฟุตบอลในอังกฤษแห่งนี้ ซึ่งในช่วงแรกที่เข้าซื้อยังมีการต่อต้านเล็กๆ จากแฟนบอลเลสเตอร์ซิตี้ แต่กระแสต้านกลับกลายมาเป็นกระแสชื่นชม เมื่อประธานสโมสรคนไทยสามารถพาทีมเลสเตอร์ซิตี้ คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในการแข่งขันฤดูกาล 2015-2016 และทีมเลสเตอร์ซิตี้ได้รับสมยานามใหม่เป็น “จิ้งจอกสยาม”

ความสำเร็จของเจ้าสัววิชัยและบุตรชาย ในการทำทีมฟุตบอลเล็กๆ ทีมหนึ่ง ให้ก้าวขึ้นเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 132 ปี ทำให้คนทั่วโลกรู้จักคนไทย และยอมรับคนไทยมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งความยิ่งใหญ่ที่เจ้าสัววิชัย ฝากรอยจากรึกในประวัติศาสตร์กีฬาลูกหนังโลก สร้างชื่อให้ “ประเทศไทย” เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในสายตาชาวโลก โดยเฉพาะเป็นที่รักและชื่นชม ของผู้คนในเมืองเลสเตอร์แห่งนี้ และประเทศอังกฤษ

8 ปีบนถนนสายธุรกิจฟุตบอล ที่เจ้าสัววิชัย มอบหมายให้บุตรชายเป็นคนดูแล เป็นอีกหนึ่งความพยายามเดินตามความฝันที่เขาเคยพูดไว้ และทำมันได้สำเร็จ!

29.06
“วิชัย ศรีวัฒนประภา”  ขอบคุณภาพจาก LCFC.com

จากเลสเตอร์ฯสู่ “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์”

จากความฝันส่วนตัว กลายมาเป็นความฝันส่วนรวมความฝันเพื่อคนไทย หลังประสบความสำเร็จในการทำทีมเลสเตอร์สู่แชมป์พรีเมียร์ลีก เจ้าสัววิชัย ได้บทสรุปว่า..”คนไทยก็ทำได้” นำมาซึ่งแนวคิดโครงการซีเอสอาร์ที่โด่งดัง “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ( KING POWER THAI POWER พลังคนไทย )

โครงการนี้เจ้าสัววิชัย มอบหมายให้บุตรชายเป็นคนดูแล “คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย” ในฐานะผู้บริหารคิง เพาเวอร์ในป้จจุบัน ซึ่งอัยยวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ หลังจากเริ่มโครงการมาได้ 1 ปีว่าได้ทำกิจกรรมรวมแล้ว 17 โครงการใน 4 ด้านหลัก ซึ่งทุกไฮไลต์มาจากแนวคิดทางธุรกิจของตระกูลศรีวัฒนประภา

เริ่มจาก Sport Power” พลังกีฬา โดยอาศัยเครือข่ายที่แข็งแรงในต่างประเทศ ทั้งทีมเลสเตอร์ ซิตี้ที่อังกฤษ และทีมเอาด์ เฮเวเลย์ เลอเวน ในเบลเยี่ยม ที่คิง เพาเวอร์ไปซื้อมาเมื่อปี 2560 ปั้นโครงการ Fox Hunt โดยแต่ละปีได้เฟ้นหาเพชรเม็ดงามในวงการนักเตะเยาวชนไทย ไปฝึกกับทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตอนนี้มีเด็กไทยผ่านโครงการนี้เข้าไปร่วมทีมกับ U21 ของ เอาด์ เฮเวเลย์ เลอเวนแล้ว

“เมื่อใดก็ตามที่เด็กของ Fox Hunt ได้เป็นตัวหลักของทีมใน TPL (ไทยพรีเมียร์ลีก) หรือทีมดังในเอชีย กระทั่งทีมชาติไทยชุดใหญ่ นั่นแหละ คือผลที่คิง เพาเวอร์เชื่อว่าจะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมมหาศาล” อัยยวัฒน์ กล่าวและว่า

“เราเรียนรู้จากข้อผิดพลาดอยู่ตลอด ตอน Fox Hunt รุ่น 1 ที่เราคิดว่าเก่งมาก ปรากฏไปแข่งจริงๆ แพ้เขาครับ เราก็ต้องพัฒนาขึ้น เด็กเองก็ต้องเก็บไปเป็นประสบการณ์ของเขา และเรียนรู้จากจุดนี้เช่นกัน…แต่ผมคาดหวังว่า 3  ปีนับจากวันนี้ ตอนซีเกมส์ จะต้องมีเด็กจาก Fox Hunt ในทีมชาติไทย”

นี่คือวิชั่นและเป้าหมายที่ส่งต่อจากเจ้าสัววิชัย มาสู่ทายาททางธุรกิจ ซึ่งสานต่อด้วยโครงการซีเอสอาร์ ที่ใช้งบประมาณปีละหลายสิบล้าน เพื่อดูแลชีวิตนักเตะราว  10-20  คนต่อปี

ฟุตบอล2 1
โครงการ “100 สนามฟุตบอล สร้างพลังเยาวชนไทย”

นอกจากนี้ คิง เพาเวอร์ยังทำเรื่องเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่กับโครงการ “ล้านลูก ล้านพลัง สร้างฝันเด็กไทย” ด้วยการแจกลูกฟุตบอลจำนวน 1 ล้านลูกให้กับเด็กไทยทั่วประเทศ ภายในปี 2565 ซึ่งล่าสุดแจกไปแล้วมากกว่า 200,000 ลูก ด้วยต้นทุนลูกฟุตบอลหนังลูกละเกือบ 2 พันบาท และยังมีโครงการสร้าง 100 สนามฟุตบอลให้กับโรงเรียนต่างๆ

Music Power” พลังดนตรี อาศัยความเชี่ยวชาญในการทำการตลาด และใช้พื้นที่ที่มีอยู่ให้คุ้มค่า คือโรงละครอักษรา เป็นเวทีให้กับโครงการแข่งขันวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย โดยมุ่งหวังจะนำความสามารถที่มีอยู่ของเด็กไทยไปปรากฏในระดับโลก เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นอาชีพให้เยาวชนในอนาคต

Community Power” พลังชุมชน คิง เพาเวอร์ ทำธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี แน่นอนย่อมต่อเนื่องยังธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งหากอยากให้นักท่องเที่ยวมาเมืองไทยมากๆ หลายคนอาจสร้างสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ หรือโปรโมทหนักๆ แต่สำหรับคิง เพาเวอร์ กลับมองย้อนมายังเรื่องเล็กๆ ที่คนมองข้าม คือ “ห้องสุขา” ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากกับสถานที่ท่องเที่ยว จึงมีโครงการ “พลังคนไทย สุขา สุขใจ” มอบห้องสุขาให้สถานที่ท่องเที่ยวสาธารณะ โดยเริ่มต้นที่สวนพฤกศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ ตามด้วยทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

อย่างไรก็ตาม วิชั่นของคิง เพาเวอร์ ไม่ได้คิดที่จะแจกอย่างเดียว อัยยวัฒน์ บอกว่า “ผมได้คุยกับท่านรัฐมตรีท่องเที่ยวแล้วว่า โครงการแบบนี้เราคงจะสร้างให้กับทุกที่ไม่ไหว แต่เราพร้อมที่จะมอบแบบก่อสร้างมาตรฐาน สเปคทุกอย่างให้กับหน่วยงานเอกชนอื่นๆ ที่ยินดีจะนำไปทำในรูปแบบของแต่ละแห่งเอง จะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง แต่มาตรฐานต้องไม่ต่ำกว่านี้ รวมทั้งสุขาที่มอบให้แล้ว ก็คงต้องเป็นเรื่องของหน่วยงานท้องถิ่นที่ดูแลต่อ”

โครงการซีเอสอาร์เหล่านี้ คือการสร้างแบรนด์ ที่อัยยวัฒน์ บอกว่าคิง เพาเวอร์ ทำมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พอมาถึงรุ่นเขาการทำแบรนด์ในลักษณะนี้ยิ่งมีความสำคัญ เพราะโลกเปลี่ยน Generation เปลี่ยน ตอนนี้คนของเรามีเป็นหมื่น การเข้าถึงคนในองค์กรเป็นเรื่องยากมากขึ้น โจทย์คือ จะทำอย่างไรให้เขาเข้ามาทำงานแล้วเห็นว่าบริษัทของเราทำอะไรบ้าง แล้วมันก็ไม่ใช่แค่ธุรกิจ อย่างโครงการแจกลูกฟุตบอล ผมให้พนักงานเข้ามามีส่วนร่วม เดินทางไปแจกกับเรา หรือให้เขามาบอกว่าควรไปแจกที่ไหน รวมทั้งให้เขาเอาลูกฟุตบอลไปแจกด้วย

คิงเพาเวอร์ไทยเบฟ 1
ความร่วมมือระหว่างคิง เพาเวอร์ และไทยเบฟ

ดึงพันธมิตรร่วมธุรกิจฟุตบอลโมเดลกีฬาโลก 

ธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีของคิง เพาเวอร์ อยู่ตัวและยิ่งใหญ่มาหลายปี วันนี้ธุรกิจใหม่ที่กำลังมาแรงของตระกูลศรีวัฒนประภา คือ ธุรกิจฟุตบอล ซึ่งหลังจากทำทีมเลสเตอร์ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาได้ ทำให้คนยอมรับในฝีมือการบริหารของเจ้าสัววิชัย และบุตรชาย ในฐานะคนไทย ทำให้คิง เพาเวอร์ เดินหน้าต่อยอดธุรกิจฟุตบอล เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ด้วยโมเดลกีฬาฟุตบอลอาชีพระดับโลก

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2561 คิง เพาเวอร์ได้เปิดตัวโกลบอลพาร์ตเนอร์ธุรกิจฟุตบอล กับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องดื่มของไทยที่ขึ้นชั้นแถวหน้าระดับเอเชีย

อัยยวัฒน์ กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า คิง เพาเวอร์ และไทยเบฟเวอเรจ มีแนวคิดในการทำงานหลายอย่างที่คล้ายกัน เราอยากเห็นฟุตบอลไทยพัฒนาไปในทางที่ดี เราเชื่อในศักยภาพของคนไทย โดยเฉพาะเรื่องของกีฬาฟุตบอล ซึ่ง คิง เพาเวอร์ ผลักดัน SPORT POWER มาโดยตลอด เริ่มทำตั้งแต่การวางรากฐานให้กับเยาวชนไทยทั่วประเทศ ให้ได้มีโอกาสพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาของตัวเอง จนสามารถเข้าไปสู่การเล่นฟุตบอลมืออาชีพได้

ผ่านโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการมอบลูกฟุตบอล 1 ล้านลูกในโครงการล้านลูก ล้านพลัง สานฝันเด็กไทย  ให้เยาวชนไทยได้มีลูกฟุตบอลที่มีมาตรฐานไปฝึกฝน เราสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแบบมาตรฐานสากลให้ มีโครงการคลินิกฟุตบอล Fox Dream ให้โอกาสเยาวชนได้เรียนรู้ทักษะฟุตบอลกับนักเตะระดับทีมชาติ เพื่อบอกเล่าประสบการณ์เคล็ดลับต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับเยาวชน

นอกจากนี้ยังมี “คิง เพาเวอร์ คัพ” เป็นเวทีในการคัดเลือกเยาวชนไทยฝีเท้าดีทั่วประเทศ เพื่อเข้าไปอยู่ในโครงการ FOX HUNT ซึ่งน้องๆ จะได้รับทุนการศึกษาและไปฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ การร่วมมือกับไทยเบฟฯ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ทำให้สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ มีข้อได้เปรียบทางการค้าที่ชัดเจน

ขณะเดียวกันธุรกิจหลายสาขาและกิจกรรมเพื่อสังคมของไทยเบฟฯ ยังสอดคล้องกับแนวทางของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ รวมถึงการสร้างกลยุทธ์ ในงานด้านชุมชนที่โดดเด่น ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาความสัมพันธ์ของสโมสรกับชาวเมืองเลสเตอร์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

LCFC2 1
ไทยเบฟสปอนเซอร์ทีมเลสเตอร์ซิตี้

ด้านไทยเบฟ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับคิง เพาเวอร์ ทำให้เครื่องดื่มตราช้างและเบียร์ไซง่อน ซึ่งเป็นเบียร์ยอดนิยมในประเทศเวียดนาม และเป็นสินค้าในเครือไทยเบฟเวอเรจ ได้มีโอกาสเข้าเป็นสปอนเซอร์ของทีมสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ โดยโลโก้ของเบียร์ไซง่อน จะอยู่บนแขนเสื้อชุดแข่งทั้ง 3 แบบของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ส่วนเบียร์ช้าง ซึ่งวางจำหน่ายกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ก็ได้รับสิทธิ์จำหน่ายที่คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

คิง เพาเวอร์ ต่อยอดธุรกิจฟุตบอลบริหารเลสเตอร์ซิตี้ในแพลทฟอร์มธุรกิจฟุตบอลระดับโลก

ขณะที่อาณาจักรใหญ่ คิง เพาเวอร์ ธุรกิจร้านค้าปลอดภาษี และธุรกิจโรงแรม เดินหน้าต่อเนื่องด้วยแผนขยายโรงแรมใหม่ จากดีลใหญ่เมื่อต้นปี 2561 ที่คิง เพาเวอร์ใช้เงินกว่า 14,000 ล้านบาท เข้าซื้อทรัพย์สินบางส่วนในโครงการ มหานคร จากบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีทั้งโรงแรม พื้นที่เพื่อการค้า และจุดชมวิวบนอาคารสูงที่สุดในประเทศไทย เป็นการต่อยอดอาณาจักรคิง เพาเวอร์ ในส่วนร้านค้าปลอดภาษี โรงแรม และธุรกิจท่องเที่ยว คิงเพาเวอร์ซื้อมหานคร

อีกสายธุรกิจที่เจ้าสัววิชัย วางฐานไว้และมีโอกาสที่ดี คือ “ธุรกิจฟุตบอลมืออาชีพระดับโลก” ที่กำลังขยายเครือข่ายพันธมิตร ต่อยอดธุรกิจสู่การสร้างรายได้เป็นหลัก พร้อมกับสร้างชื่อให้คิง เพาเวอร์และประเทศไทย เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกมากขึ้น

ทั้งหมดนี้ คือมรดกทางธุรกิจที่จัวสัววิชัย ทิ้งไว้ให้ทายาททั้ง 4 คน โดยเฉพาะบุตรชายคนเล็ก อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา จะสานต่ออาณาจักรคิง เพาเวอร์สร้างความเติบโตเพิ่มขึ้นได้มาก-น้อยเพียงใด ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์!

 

Avatar photo