COVID-19

วัคซีนโควิด ยื่นขึ้นทะเบียน อย. แล้ว 4 ราย ‘อนุทิน’ ยัน ไม่ปิดกั้นเอกชนนำเข้า

วัคซีนโควิด ยื่นขึ้นทะเบียน อย. แล้ว 4 ราย อย.เปิดช่องทางพิเศษ “อนุทิน” ยันไม่ปิดกั้นเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิด ล่าสุดรับมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 117,300 โดส

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบันมี วัคซีนโควิด ยื่นขึ้นทะเบียน กับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว จำนวน 4 ราย ได้แก่ วัคซีนแอสตราเซนเนก้า ของบริษัท แอสตราเซนเนกา (ประเทศไทย) จำกัด และ โคโรนาแวค ของบริษัท ซิโนแวค นำเข้าโดย องค์การเภสัชกรรม ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วทั้ง 2 ราย

วัคซีนโควิด ยื่นขึ้นทะเบียน

ส่วนอีก 2 ราย ที่ยื่นขอขึ้นทะเบียนแล้ว ได้แก่ วัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน โดยบริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด และวัคซีนของบริษัท บารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี โดยบริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารเพิ่มเติม

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังได้สั่งการให้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งมีหน้าที่ขึ้นทะเบียน และออกใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องกับ วัคซีนโควิด-19 อำนวยความสะดวก ด้วยการเปิดช่องทางพิเศษในการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 สำหรับภาคเอกชน

สำหรับขั้นตอนการขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด นั้น ต้องมายื่นเป็นผู้รับอนุญาตนำ หรือสั่งยา เข้ามาในราชอาณาจักรก่อน และยื่นขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 จากนั้น อย. จะพิจารณาจากเอกสาร ด้านคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิผล เพื่อให้สามารถอนุมัติได้โดยเร็ว

 

ส่วนกรณีผู้ได้รับอนุญาตนำเข้ายาอยู่แล้ว เช่น โรงพยาบาลเอกชน หากประสงค์จะนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ก็ต้องมาขอขึ้นทะเบียนวัคซีนอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล

ขั้นตอนอย.วัคซีน

ขณะที่ การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์วัคซีน 19 ในสถานการณ์ฉุกเฉิน กรณีนำเข้า มีขั้นตอนการดำเนินการดังนี้

  • ยื่นคำขอใบอนุญาตสถานประกอบการด้านยา โดยต้องมีสำนักงาน มีสถานที่เก็บยา มีเภสัชกรประจำ
  • ยื่นคำขอหนังสือรับรองมาตรฐานสถานที่ผลิตยา ซึ่งจะต้องผ่านการตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสาร

ด้านคำขอขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ต้องผ่านการประเมินวิชาการ 3 ด้าน คือ คุณภาพ ความปลอดภัย ประสิทธิผล และแผนการจัดการความเสี่ยงของวัคซีน ซึ่งต้องผ่านที่ประชุม คณะอนุกรรมการพิจารณาขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด19 โดยขั้นตอนตั้งแต่การประเมินวิชาการ ถึงการอนุมัติ จะใช้เวลาประมาณ 30 วัน

“กระทรวงสาธารณสุขยินดีและขอบคุณภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมดูแลสุขภาพประชาชน พร้อมอำนวยความสะดวกและสนับสนุนเต็มที่ เป็นการแบ่งเบาภาระรัฐบาล ช่วยให้การกระจายวัคซีนทั่วถึง ทำให้กระทรวงสาธารณสุขมีโอกาสไปดูแลประชาชนในส่วนที่จำเป็น” นายอนุทิน กล่าว

รับวัคซีน AstraZeneca ๒๑๐๓๐๘ 2

ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบวัคซีนโควิด 19 จากแอสตราเซนเนกา จำนวน 117,300 โดส ซึ่งแอสตร้าเซนเนกา จัดหามาจากแหล่งผลิตในต่างประเทศ ตามคำร้องขอจำนวน 117,300 โดส ถือเป็นส่วนหนึ่งของวัคซีน 61 ล้านโดสที่จะผลิตในประเทศ โดยวัคซีนมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 และส่งมอบวัคซีนให้แก่กระทรวงสาธารณสุขในวันนี้ หลังจากนี้ จะนำไปฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมายต่อไป

“วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า จะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ที่อายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีอายุมากกว่า 60 ปี อยู่ในเกณฑ์ที่ได้รับวัคซีนได้ นอกจากเป็นบุคคลสำคัญของประเทศ มีการประชุมและพบปะผู้คนจำนวนมาก ยังสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนด้วย” นายอนุทินกล่าว

ในส่วนของวัคซีนซิโนแวคอีก 8 แสนโดส ที่จะเข้ามา นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ได้แจ้งว่า ทางการจีนได้อนุมัติ และประสานบริษัทผู้ผลิตแล้ว คาดว่าจะมาถึงวันที่ 25 มี.ค. นี้

วัคซีนโควิด ยื่นขึ้นทะเบียน

ขณะเดียวกัน ยังเสนอให้ประเทศไทยพิจารณาฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้แก่คนสัญชาติจีน ที่อาศัยในประเทศไทย โดยประเทศไทยจะทำหนังสือแสดงความจำนง ขอการสนับสนุนวัคซีน จากประเทศจีน ในฐานะมิตรประเทศต่อไป หากให้วัคซีนมาก็อาจระบุเงื่อนไขว่าให้ดูแลคนจีนในประเทศไทยด้วย

พร้อมกันนี้ ยังขอให้ไทยพิจารณาร่วมกับประเทศจีน จัดตั้งศูนย์การฉีดวัคซีนให้ชาวจีนโพ้นทะเล ในภูมิภาคอาเซียน และเสนอเรื่องการยอมรับวัคซีนพาสปอร์ตระหว่างสองประเทศ เป็นบับเบิลกัน เพื่อให้การเข้าประเทศมีความสะดวกขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo