Entertainment

ก็อต เคยถอดใจ ยอมถอยจาก ริชชี่ เปิดใจเส้นทางรัก กว่าจะได้เป็นแฟนกันไม่ง่าย

เรียกว่าวินาทีนี้ทุกโมเมนต์ในความรักของ ก็อต-ริชชี่ เป็นเรื่องราวที่น่ารักและน่าประทับใจแฟน ๆ เป็นที่สุด เพราะนอกจากละมุนตาที่เห็นในสิ่งที่ทั้งคู่แสดงออกให้กันแล้ว ยังดีต่อใจในความรักความจริงใจที่ ก็อต-ริชชี่ มีให้กันตลอดเวลาในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ที่ทั้งคู่ได้มาเป็นแขกรับเชิญสุดพิเศษ พร้อมเล่าเรื่องราวที่ในอดีตตั้งแต่ก่อนเข้าวงการ จนได้มาเจอกันในฐานะเพื่อน ก่อนที่จะขยับสถานะมาเป็น แฟน กันแบบทุกเรื่องที่ไม่เคยเล่าที่ไหน

8 ก็อต ริชชี่ 11

ก็อต ยังพอมีเพื่อนบ้าง แต่ ริชชี่ ไม่มีเพื่อนเลย ?

ก็อต : ตอนเด็ก ๆ เราค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูงก็คบเพื่อนประปรายไม่ได้เป็นกลุ่มเป็นก้อน

ริชชี่ : หนูรู้สึกว่าการที่จะเป็นเพื่อนกันหรือเป็นแก๊งค์ เราต้องไปพักด้วยกันไปเดินห้าง หรือไปทำอะไร หนูไม่ได้เคยไปตรงนั้นกับเพื่อนเลย เราไม่รู้ว่าจะเรียกเขาว่าเพื่อนไหม เดี๋ยวเขาไม่ได้บอกเราว่าเป็นเพื่อนหรือเปล่า เวลาให้สัมภาษณ์เราก็เลยบอกว่าไม่มีเพื่อน คือ เราเรียนชั้นเดียวกัน หนูจำเพื่อน จำชื่อเพื่อนได้หมดเลยตั้งแต่อนุบาล แต่พอเข้าไปทักเพื่อนจะทำท่าตกใจเหมือนไม่รู้จักเรา ส่วนตอนกลางวันหนูจะชอบนั่งอยู่ในห้องเรียนแล้วก็นั่งทำการบ้าน เพราะคุณแม่เขาจะทำกับข้าวมาให้ ส่วนเวลาซ้อม (แบตมินตัน) คือ จริง ๆ เหมือนเวลาซ้อมแทบจะไม่ได้คุยเลยค่ะ เพราะว่าโค้ชดุมาก เขาไม่ให้คุยเวลาซ้อม จริง ๆ คือ เพื่อนทุกคนน่ารักกับเรามาก ทุกคนดีไปหมดเลย บางทีเราไม่ได้ไปไหนกับเขา เขาก็ชวนแต่ว่าเราไปไม่ได้ จนเขาเลิกชวน เพราะเขารู้ว่าเราไปด้วยไม่ได้ คือเขามีครั้งหนึ่งโรงเรียนเลิกขึ้นเร็ว เราก็ถามแม่ว่าเราไปกับเพื่อน ๆไ ด้ไหม แต่ถ้าเราไปเราก็จะเสียเลยเวลาซ้อม แม่ให้เราตัดสินใจเองว่าจะไปไหม ซึ่งเราก็ไม่ได้ไป หนูไม่เคยรู้สึกขี้เกียจซ้อมเลยเพราะหนูรู้สึกสนุกกับการทำตรงนี้เพราะว่าเรามีเป้าหมาย แล้วเรายังทำไม่ถึงเราก็เลยหมกมุ่นอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา

ซึ่งทั้งก็อตและริชชี่เป็นคนที่ต่างกันสุดขั้ว แต่พอมาได้เจอกันในส่วนของกำลังใจที่ขาดหายไปของ ก็อต-ริชชี่ คือ คนที่เติมในจุดนั้น ?

ก็อต : ใช่ครับ ตอนนั้นเราเองก็แบบเหมือนอ่อนแอมาก ๆ ครับ ก็มีเขา มีคนรอบข้าง ครอบครัว ผู้จัดการ ที่คอยให้กำลังใจด้วย ณ ตอนนั้นเราก็รอผล คุณพ่อ จะเป็นยังไงต่อ ซึ่งตอนนั้นก็มีความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่พ่ออยู่ใน ICU 4 วันแล้ว เราก็แบบตอนนั้นหลายความรู้สึกมากมันหนัก มันเครียดแล้วเรื่องค่ารักษามันค่อนข้างสูงครับ แล้วตอนนั้นยังถ่ายละครอยู่ จำได้เลยถ่ายไปได้แบบไม่กี่ซีนก็ต้องมาโรงพยาบาลมาฟังผลพอไปนั่งฟังผล คุณหมอก็พูดตรงมาก คือ ไม่ดีกับไม่ดีมาก ๆ ให้เราเลือกเอา เราจะเลือกแบบไหน คือ ปล่อยเลย กับพาคุณพ่อกลับมารักษาที่บ้าน แต่แบบไม่สมบูรณ์เลยนะ ตอนนั้นเราก็ช็อกไปหมดเลย ตอนอยู่กับหมอไม่ร้องนะ แต่พอออกจากประตูมาคือเราก็ร้อง ๆ เป็นชั่วโมง จนสุดท้ายเราตัดสินใจว่าเรายังคงรักษากันอยู่ต่อไป ยเพราะว่าเรายังทำใจไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งที่เครียดคือเรื่องค่ารักษา มันจะมีโครงการหนึ่งของรัฐบาลที่เขาจะช่วยเหลือผู้ป่วยแบบนี้ครับ ไม่ว่า Stroke หรือร่างกายที่เป็นฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งตอนนั้นเราก็มีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งเราเคยพูดว่าเก็บไว้ เผื่อครอบครัวต้องใช้ไม่คิดเลยว่าต้องใช้มันเร็วมาก ๆ แต่คุณอาของผู้จัดการส่วนตัวที่เป็นคุณหมอก็แนะนำให้ยื่นเรื่องไปเผื่อช่วยได้ ซึ่งมันก็ช่วยได้เขาจะครอบคลุมค่ารักษาให้หมดเลย

8 ก็อต ริชชี่ 9

ก็อต : ตอนนั้นเราก็ต้องการกำลังใจมาก บอกกับตัวเองต้องไหว ๆ นะ งานก็ยังคาอยู่ ละครก็เพิ่งถ่ายได้ไม่กี่คิวเอง ครอบครัวอีก แม่อีก เราก็กลายเป็นเสาหลักของครอบครัวเลย ตอนนั้นคือเราไม่พร้อมเลยจริง ๆ ผมรู้สึกตัวเองเด็กมาก ๆ เราคิดว่าเราจะจัดการเรื่องเงินยังไง น้องสาวเราเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย คุณแม่ก็ไม่ได้ทำงาน มีคุณพ่อที่ป่วยอีก แต่เราก็เริ่มมาทยอยจ่ายทยอยเคลียร์ แล้วพอพาคุณพ่อกลับมาบ้านเราก็ต้องทำห้องให้กลายเป็นคลินิกเล็ก ๆ เพื่อให้คุณพ่อกลับมาอยู่ที่บ้าน

ริชชี่ : ตอนนั้นเราไม่ได้คิดว่าเขาชอบอะไรเลย แต่แค่รู้สึกว่าเขาพูดว่าเหมือนอยากคุยด้วย เพราะว่าเครียดมากเลย เหมือนอยากพูดอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เรื่องนี้ เขาก็จะบอกว่าเหมือนเขาคุยกับเรารู้สึกดีขึ้น หายเครียดในช่วงเวลาหนึ่ง ก็เลยรู้สึกว่าเราช่วยเขาได้ อยากช่วยเขาให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ก็พยายามแบบทักไป

ก็อต : คือ ต้องบอกว่าเวลาที่เราชอบใครเราจะมีฟอร์ม ไม่พูดอะไรเยอะ เราจะดูสเต็ปไปก่อนดูเชิงก่อนว่าเขาเป็นยังไง แต่วิธีการจีบของเราคือการเล่าทุกอย่างในชีวิตเรา แล้วโชคดีมากที่เขาเป็นผู้ฟังที่ดี ผมชอบที่เป็นคนฟังที่ดีครับ (เพราะเราไม่ค่อยเคยเจอผู้หญิงที่ฟังเรา) ส่วนใหญ่จะพูดแล้วจะเถียงกลับมา แต่พอมาคุยกับเขา เราก็รู้สึกอ่อนลงได้ผ่อนคลาย เราหยอดต่อ (มีความเครียดด้วย) แต่เราก็อยากจีบเขาต่อ ซึ่งเขาก็ฟังเราทุกอย่าง จนหลัง ๆ จากเรื่องครอบครัวก็ไปเป็นเรื่องอื่นล่ะ เป็นเรื่องที่ผ่านมาประสบการณ์ชีวิตมีแฟนไหม ชอบทำอะไร ชอบผู้ชายแบบไหน ชวนดูหนัง กินข้าว บางครั้งถามเขาเลิกกองยัง เราไปส่งไหมสนามบินจะกลับไปเชียงใหม่ เราก็รอ เขาก็บอกไม่เป็นไร

ริชชี่ : เขาก็มาชวนหนูดูหนังแต่หนูบอกเขาว่าหนูลดน้ำหนักค่ะ

ก็อต : เอาเหมือนง่าย ๆ คือ ผมส่งอะไรไปเขาก็จะแบบไม่ใส่ใจ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ หรือ โกรธอะไรนะครับ คือเราเข้าใจ

8 ก็อต ริชชี่ 6

ในวันหนึ่งคือกำลังใจสำคัญสุดในวันที่ ก็อต ต้องรับมือกับเรื่องคุณพ่อ แล้วพอทุกอย่างผ่านพ้นไป ริชชี่ เป็นคนที่บอกเองว่า ไม่เป็นไรนะไม่ต้องเกรงใจ ถ้าหมดปัญหานั้นแล้วไม่ต้องโทรมาบ้างก็ได้ ?

ก็อต : เป็นช่วงที่ละครกำลังจะปิดกล้องด้วยเขาเลยบอกเราตรง ๆ ว่ายังไงไม่ต้องคุยก็ได้

ริชชี่ : มันเหมือนที่ผ่านมาเวลาคุย เขาก็จะพูดตลอดว่าคุยเรื่องงาน แล้วเขาก็จะพูดว่าเขาเศร้า เวลาที่คุยกับเราแล้วดีขึ้น เราก็เลยรู้สึกว่า .. แบบ เราก็จะช่วยในช่วงที่เขาเศร้าเราช่วยได้เราก็ช่วย เราก็คิดว่าถ้าแบบเขาดีขึ้นแล้วกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้แล้ว แฮปปี้แล้ว เราก็ไม่ต้องคุยกับเขาเหมือนเดิมแล้วก็ได้ ให้เขากลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมาเขาก็มีความสุขอยู่แล้วที่ไม่ได้มีเรา เราก็รอให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน พอผ่านไปก็คุยเรื่องทำงานด้วยกัน เขาอยากปรึกษาพูดเรื่องบทหลังเลิกงานค่ะ เราก็รู้สึกว่าอ๋อ .. เพราะมันเป็นเรื่องงานก็เลยคุยด้วยได้ พอจะจบงานแล้วหนูก็เลยไม่มีอะไรให้คุยแล้วนะ แบบว่าจบงานแล้ว แล้วอีกอย่างหนูยังไม่ได้อยากสนิทกับใครมากขนาดนั้นด้ว ยแล้วเรารู้สึกนิด ๆ ว่าเขาอินผิดปกติแล้ว เราก็เล่นละครมาเยอะ เราก็รู้สึกว่าเขาอาจจะยังไม่เคยเล่นละครที่แบบคู่กับผู้หญิงอะไรจริงจัง เขาอาจจะยังไม่รู้การเล่นละครมันสนิทกันนะ บทมันอาจจะพาไปหรือเปล่า

ก็อต : เราเข้าใจในมุมมองเขาว่าบทจะพาไปนะ เหมือนเขาอยู่ใน safe zone อย่างที่เขาบอก เพราะเขาไม่ได้อยากสนิทกับใคร ก็เลยโอเค ก็ยังเป็นเพื่อนกัน เราก็ถอยมาตั้งหลักก่อน ที่ยังไม่ได้บอกเขาตอนนั้นเพราะเราก็ยังไม่มั่นใจด้วยว่ามันจะยังไงต่อ เราไม่มีโอกาสไปเดทกับเขาเลย ชวนไปไหนเขาก็ปฏิเสธตลอด เอาง่าย ๆ จีบไม่ติด เราก็ไม่ได้พูดชัดเจนว่าเราจีบ เราก็เชิง กลัวเขาไม่โอเคกับสิ่งที่เราทำ เราก็เลยถอดใจก่อน (มีความถอดใจ ๆ ) บวกกับช่วงนั้นเขากลับไปเชียงใหม่ด้วย ก็เป็นช่วงที่เราห่างกัน

8 ก็อต ริชชี่ 4

ริชชี่ : ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาทักมา หนูก็คิดว่าเดี๋ยวสักแป๊บหนึ่งเขาก็คงหายไป เพราะหนูรู้สึกว่า เหมือนเรื่องที่เขาพูดเรื่อง forever ค่ะหนูรู้สึกว่าไม่อยากมีแฟน ไม่ชอบอะไรแบบนี้ตั้งแต่เด็ก เพราะหนูรู้สึกว่ามันไม่ได้ตลอดไป คบกันตอนนี้หนูอยากให้มันตลอดไป

ก็อต : เขาจะพูดความรักในครอบครัวกับพี่สาว กับพ่อแม่มันคือ forever อยู่แล้ว แต่ความรักกับคนอื่นมันอาจจะแบบไม่มั่นคงไม่ถาวรเท่ากับความรักของครอบครัวซึ่งเราก็เข้าใจในมุมมองของเขานะครับ

เอาจริงตอนที่ ก็อต หาย ๆ จาง ๆ ไปคิดถึงไหม ?

ริชชี่ : ก็มีบ้างค่ะ เราก็รู้สึกว่าเดี๋ยวเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง คือเราเป็นคนที่ชอบคิดทุกอย่างเป็นทฤษฎีค่ะ (มนุษย์เราพอผูกพันอะไรช่วงหนึ่งแล้วพอเวลาผ่านไปเท่านี้เดี๋ยวมันก็จะลืมจะหายจะโอเค) พอเรากำลังจะเริ่มหายจะดีแล้วเขาอยู่ดี ๆ ก็ทักมา เราก็แบบหือ !!

ก็อต : แล้วพอหลังจากนั้นช่วงโปรโมทละครก็กลับมาเจอกันอีกรอบ เขาก็ออกจาก safe zone มากขึ้น เพราะเจอกันบ่อยมากขึ้น เขาก็จะมีเรื่องให้เราปรึกษาไปมา เรารู้สึกเหมือนเดิมอีกแล้ว เราก็เริ่มต้นที่อยากจะชัดเจนกับเขาอีกรอบ เราก็ชวนเขาหาอะไรเล่น เผื่อจะรู้สึกเขินบ้าง อะไรอย่างนี้ แอบจับมือ ขอเล่นมือ ไลน์หากลับมาเหมือนเดิม

คราวนี้ชวนกินข้าวก็ไม่ได้อยู่ในสภาวะลดน้ำหนักแล้ว การที่ ก็อต พาไปกินข้าวครั้งแรกเป็นเรื่องใหญ่ของ ริชชี่ มาก ?

ริชชี่ : เพราะที่บ้านจะมีแอฟที่สามารถเช็คได้ว่าหนูอยู่ตรงไหนแล้วแม่ก็จะดูตลอดเวลา เพราะเมื่อก่อนเขาจะรับส่งและเฝ้าเราตลอด เหมือนวันนั้นทำงานแล้วเลิกดึกเขาก็บอกว่าหิวข้าวออกไปกินข้าวกันไหม มันใกล้มาก แล้วคือหนูก็กลับไปก็ล้างหน้าเปลี่ยนชุดก่อน แล้วคุณแม่ ก็จะเห็นว่าเรากลับถึงบ้านแล้วเพราะมันจะติ๊งเวลาเราถึงบ้าน แล้วเราก็ไหล ๆ ไปจากที่พัก ที่บ้านก็โทรมาแล้วหนูก็รู้สึกว่าเขินที่บ้านโทรตามตลอดเลยไม่ได้รับ

ก็อต : เพราะปกติ ริชชี่ จะไม่ไปไหนเลยครับทำงานเสร็จก็กลับบ้านแล้วพอเริ่มมาเปลี่ยนที่อยู่ เริ่มมาโปรโมทละคร เขาไปกินข้าวที่อื่นกับผม แม่เขาอาจจะตกใจ

8 ก็อต ริชชี่ 5

ริชชี่ : แม่พยายามถามว่าออกไปไหน เป็นห่วงมากว่าไปไหน แต่พอรับสายคือ หนูแปลกใจมากว่าเหมือนแม่รู้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็น ก็อต เพราะว่า ริชชี่ ไม่น่าออกไปไหน แล้วก็ไม่น่าออกไปกับใคร เราทำอะไรหรือชีวิตเป็นอย่างไร อะไรเกิดขึ้นบ้าง แม่บอกว่ารู้อยู่แล้ว แต่วันหลังต้องรับ พอเรารับแม่ก็ถามว่าอยู่กับใคร หนูก็ไม่กล้าพูด แม่ก็บอกว่าอยู่กับ ก็อต ใช่ไหม เราก็ตกใจ ทำไมแม่รู้ ก็หนูไม่ได้มีเพื่อนไงแม่เขาเลยเดาไม่ยาก

ก็อต : ตอนนั้น ผมเป็นเพื่อนคนเดียวของเขาที่เจอกันบ่อยที่สุด

ริชชี่ : แม่กับพ่อก็พูดว่าแบบ รู้อยู่แล้วว่าหนูเหมือนน่าจะชอบ ก็อต เพราะว่าหนูเป็นคนที่แบบถ้าไม่สนใจหรือว่าอะไรตั้งแต่เด็กคือไม่เอาเลยไม่มองหน้าใครเลย ต่อให้แบบว่าอยู่ตรงหน้าหนูอย่างนี้ ทุกอย่างจะไม่โฟกัสเลย แต่สำหรับ ก็อต แค่เขาทักมาแล้วเราตอบพ่อแม่ก็รู้แล้วว่าแบบ น่าจะมีใจ ๆ

แล้วจุดไหนที่เรายอมรับกับตัวเองว่า เราชอบเขาแล้ว ?

ริชชี่ : (ยิ้ม) เราก็รู้สึกว่าเราชอบเขาแหละ แต่แบบเพื่อนอะไรอย่างนี้ค่ะ เหมือนจนมีวันหนึ่งที่ไปทำงานแล้วก็ที่พูดที่เขาตัดเป็นคลิปออกมาเป็นเหมือนแบบให้พูดไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วพูดถึงกัน แล้วเขาก็ไลน์มาว่าแบบได้ดูหรือยังที่เราพูดไปเราพูดจริงหมดเลยแล้วก็พิมพ์ยาวมาก นู่นนี่นั่นแบบว่า (หัวเราะ)

8 ก็อต ริชชี่ 3

ก็อต : ใช่ ๆ เป็นช่วงบอกความในใจครับ เราบอกเขา เราตั้งใจว่าครั้งนี้เหมือนว่าออกงานด้วยกันบ่อย ๆ เจอกันบ่อยอย่างนี้ พอยิ่งมากขึ้นเราเลยตัดสินใจว่า เราจะชัดเจนขึ้น จำได้ว่าส่งไปยาวมาก แต่ก่อนส่งเราก็มานั่งคิดไตร่ตรองว่าเราจะพูดอย่างไรดีให้เขาเข้าใจแล้วก็ไม่ตกใจหนีไป เราจะบอกเขาว่าเรามาดีนะ อย่าเพิ่งกลัวนะก็คิดคำเปลี่ยนลบ ลบเปลี่ยนแล้วก็ยาวมากส่งให้เขา

ริชชี่ : เหมือนตอนนั้นเขาพูดถึงละครว่าแบบอินมากเลย เหมือนชอบเรา แต่ตอนพ้นละครมาคือไม่ได้คุยกันแล้ว ก็แปลว่าเลิกชอบไปแล้วหรือเปล่า ตอนนี้มันผ่านไปแล้ว เขาพูดถึงตอนนั้นก็ไม่ใช่ตอนนี้อะไรอย่างนี้ค่ะ (หนูคิดค่ะ แล้วหนูก็พิมพ์บอกเขา) อ๋อ .. โอเคมันผ่านไปนานแล้วเนอะ เขาก็บอกว่ายูมันไม่ใช่อย่างนั้น แล้วเสร็จมันดึกแล้วอย่างนี้ค่ะ หนูก็เลยบอกว่าใจเย็น ๆ นะ นอนก่อนไหม เดี๋ยวไว้ค่อยคุยกันก็ได้ เขาก็บอกเราว่าเขาอยากอธิบาย คุณไม่เข้าใจตรงไหน คุณถามสิ เราก็บอกว่ารีบเหรอค่อยอธิบายวันหลังก็ได้

ข้อความนี้หรือเปล่าที่ ริชชี่ เอาให้ ผู้จัดการดู ?

ริชชี่ : เรามีผู้จัดการคนเดียวกันแล้วแบบ เรารู้สึกว่าเราจะเชื่อได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจว่าเขาจะชอบหนูจริงไหม เพราะว่าเหมือนระหว่างนั้นตอนเป็นเพื่อนกัน เราก็รู้ว่าเขาเคยคุยกับใครบ้างตลอด เขาก็เล่าให้เราฟัง เราก็เลยรู้สึกว่าเขาอาจจะไม่ได้ชอบเราจริงขนาดนั้นเหมือนที่เขาพิมพ์หรือเปล่า

ริชชี่ : เราก็เลยถามพี่โน๊ต ถ้าถามว่าชอบหนูจริงไหม พี่โน๊ตบอกว่าตอนที่พี่โน๊ตยังไม่รู้จักหนูเลยตอนถ่ายแรก ๆ ก็อต เคยมาถามพี่โน๊ต ว่าเจอเพื่อนที่แสดงด้วยกัน เขามีปัญหา รู้สึกเป็นห่วงจังเลย พี่ช่วยไปดูหน่อยได้ไหม พี่โน๊ต บอกพี่รู้นานแล้วว่าเขาชอบหนู เพราะพี่โน๊ต ก็ถามว่าไปยุ่งอะไรกับเขาชอบเขาเหรอ เขาก็บอกว่าเปล่าเป็นห่วงเฉย ๆ พี่เขาบอกว่าน่าจะชอบหนูนานแล้ว แต่ว่าไม่กล้า แต่พิมพ์มาขนาดนี้ พี่โน๊ต บอกว่าไม่เคยเห็นเขามุมนี้เหมือนกัน พี่โน๊ต ก็บอกเขาไม่ได้เจ้าชู้นะ ถ้ากลัวเรื่องเจ้าชู้ หนูก็เลยรู้สึกโอเค

8 ก็อต ริชชี่ 2

แต่ก็มีอีกมุมหนึ่งคือ ริชชี่ เห็นว่า ก็อต คือ เพื่อนที่สนิทที่สุดที่เราไม่อยากสูญเสียเขาไปเลย ก็เลยมีประโยคนี้ขึ้นมาว่า เป็นเพื่อนกันเถอะนะ เราจะได้รักกันได้นาน ๆ อย่างนี้ ?

ริชชี่ : หนูเคยพิมพ์บอกเขาอยู่ค่ะว่าแบบไม่อยากให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป หนูว่าถ้าวันหนึ่งหนูต้องผิดหวังหรืออกหักหรือมีความรัก หนูก็อยากให้เขาเป็นคนที่อยู่ข้างหนู ปลอบหนูหรือเป็นเพื่อนกันไปเรื่อย ๆ อยากให้เขาเจอความรักดี ๆ แล้วเราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่อะไรอย่างนี้ค่ะ

ก็อต : เขาจะพูดกับผมแบบนี้ประจำ แต่ว่ามุมมองผมก็คือถ้ารักกัน มันสามารถเป็นได้ทุกอย่าง เพื่อนก็ได้ อยากให้เป็นโหมดไหนผมเป็นได้หมดเลย คนรักกันไม่จำเป็นต้องหวานตลอดเวลา ไม่จำเป็นว่านี่คือแฟนนะต้องแบบนี้ คือ อย่างผมเริ่มเข้าหาเขาด้วยการเป็นเพื่อนเพราะว่าผมอยากให้เขาชิน อยากให้เขาซึม ๆ ความเป็นผมเข้าไป เพราะผมจะมีมุมมองความรักประมาณนี้ครับ คือ เราอยู่กับเขาถ้าเขาเปิดนะ เราก็จะเป็นได้ทุกอย่างเลย อยากเห็นโหมดไหนได้หมดเลย ซึ่งทุกวันที่เราอยู่ด้วยกัน หมายถึงว่าพอเริ่มเปิดตัวว่าคบกัน เราก็ยังมีความเป็นเพื่อนกัน ยังมีความเป็นแบบเหมือนเมื่อก่อน ความรักให้กันเราก็มี

ข้อความนั้นคือข้อความขอเป็นแฟนไหม ?

ก็อต : ยังครับ

ริชชี่ : เขาแค่พิมพ์ว่าชอบนะ คุณไม่ต้องกลัวเรานะทุกอย่างเหมือนเดิมเลย

ก็อต : เอาง่าย ๆ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ ผมจะพิมพ์ง่าย ๆ เราชอบเธอนะ แต่ถ้าเป็น ริชชี่ มันต้องยาวหน่อยไง เพื่อให้เขาได้เข้าใจในข้อความเดียวมันคือ เป็นจุดเริ่มต้นมากกว่าว่าเขาเข้าใจแล้วว่าเราชอบเธอนะ

3 ก็อต ริชชี่ 6

ริชชี่ : หนูก็ตอบข้อความนั้นค่ะ แต่เหมือนข้อความเขาจะลงท้ายว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมเลยนะ เรายังเป็นเพื่อนกันแล้วแบบว่าไม่ต้องห่วงเราแค่บอกเฉย ๆ เพราะเรารู้สึกว่าชีวิตเรามันสั้น เราก็เลยอยากบอกไว้ก่อน หนูก็เลยบอกเขาว่า ขอบคุณมากแต่แบบ คือ ตอนนั้นหนูยังไม่เชื่อด้วยค่ะ ก็เลยตอบเขาว่าไม่ต้องบอกว่าชอบเราหรอก เขาก็เลยขอไลน์พี่สาวที่สนิทมาก ๆ (ก็อต พูดแทรก ไม่ต้องบอกก็ได้จะเล่าทำไม (หัวเราะ) ) หนูเลยบอกว่าแบบเขาคงไม่ได้ชอบเรา

ก็อต : เวลาใครบอกผมว่าเราเป็นเพื่อนกันเถอะ ผมจะพูดสวนเลยว่าเราเป็นได้ทุกอย่าง เพราะเราเป็นแบบนี้ไม่ต้องมานั่งแบ่งว่าต้องเป็นเพื่อนกันหรือว่าต้องเป็นแฟนกันคนเราถ้าอยากอยู่ด้วยกันนาน ๆ มันต้องเป็นให้ได้ทุกอย่าง

แล้ววันไหนที่เราโอเคเป็นแฟนกันแล้วนะ ?

ก็อต : คือ พอหลังจากที่บอกเขาใช่ไหมครับ เขาก็เริ่มปรึกษา พี่เขาก็ให้คำแนะนำมา ให้ทุกอย่างมันโอเคเราเปิดอยู่แล้ว ตัวเขาก็เริ่มเปิดแล้ว หลังจากนั้นก็เริ่มชัดเจน หมายถึงไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น มีการสนทนาจีบกันมากขึ้น

ริชชี่ : ไม่มีวันที่พูดแบบนั้น (ที่บอกว่าเป็นแฟนกันนะ)

ก็อต : คือ เหมือนกับว่าระหว่างทางที่เราเริ่มเปิด เขาเปิดแล้ว เราเริ่มต้นความสัมพันธ์อีกครั้งหนึ่งครับ เขาถามตลอดว่าแบบนี้คืออะไร มันคือแฟนหรือเปล่า เราก็จะพูดแบบเขิน ๆ เราไม่ได้พูดตรงไปตรงมา เราจะเน้นเป็นการกระทำมากกว่าให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำเนี่ย เราไม่ได้ทำแบบนี้กับคนทั่วไป หรือกับเพื่อนนะ แล้วก็จะมาพูดอีกทีคือตอนลงรูปเลย

3 ก็อต ริชชี่ 3

ริชชี่ ก็ได้คุยกับ พี่โน๊ต ผู้จัดการพร้อมไหมที่จะเสี่ยง ?

ริชชี่ : เหมือนที่ผ่านมาจริง ๆ หนูอยู่คนเดียวได้นะ หนูชอบการอยู่คนเดียว หนูอยู่คนเดียวมาตลอดมันแฮปปี้มาก หนูมีความสุขกับพี่สาวทุกคน ทุกคนรักหนู แล้วหนูก็ไม่มั่นใจว่าถ้าแบบเขาเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนแล้วมันจะโอเคไหม คือหนูไม่อยากเป็นแฟนเก่าใคร หนูไม่อยากเป็นแฟนแล้วก็เลิก วันหนึ่งหนูจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากับเขา พี่โน๊ตก็บอกว่ามันไม่มีใครรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าทุกวันนี้ที่ผ่านมาเวลาที่ ริชชี่ ปฏิเสธตลอด ริชชี่ เสียใจไหม ถ้ายังทำแบบนั้นต่อไปให้เราถามใจตัวเองว่าแบบพอหรือยัง คือ หนูรู้สึกว่าเราชอบคิดว่า ปฏิเสธดีกว่า เสียใจแหละ แต่ไม่อยากเสียใจมากกว่านี้ ถ้าทุกอย่างมันแย่แล้วต้องเลิกกันแบบนั้นคงเสียใจกว่า เคยดูในโทรทัศน์มามันดูเฮิร์ตมากเลย

ก็อต มีบทเรียนที่เห็นคุณค่าของเวลาเยอะมากและวันนี้ถึงได้รู้ว่าเวลาที่มีกันและกันมันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด จะกลัวอะไรไปก่อนข้างหน้า ถามว่าแล้วเราจะเห็นข้างหน้าก่อนไหม ก็ไม่เห็นอยู่ดีอีกก็ทำวันนี้ให้ดี ริชชี่ เห็นหรือยังความรักมันไม่ได้น่ากลัวเหมือนอย่างที่คิดเลย ?

ริชชี่ : บางมุมหนูก็รู้สึกว่าเราก็ยังมีแบบ เหมือนตอนนี้มันเพิ่งเริ่มต้นเราก็ยังมีคิดอยู่บ้างเพราะเราก็ยังไม่ชิน ตลอดเวลาทั้งชีวิตเราอยู่คนเดียวมาตลอด แต่ตอนนี้เราก็ไว้ใจเขา แต่หนูก็ยังไม่ชินกับคำว่าแฟน เหมือนพี่โน๊ต เคยให้ตัวเลือกหนูให้เรียง ก่อนที่เราจะเปิดใจให้เขา คือ มีตัวเอง ครอบครัว แฟน เพื่อน หนูก็บอกว่าต้องตัวเองก่อนใช่ไหม ครอบครัว เพื่อน แล้วแฟนล่ะ คือหนูยังไม่เคยมีแฟนจะใส่อย่างไร เราก็คิดว่าเอามาไว้กับครอบครัวแล้วกัน เพราะเราเลือกคนนี้แล้ว เขาคงเป็นคนที่เรารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนครอบครัวเราอีกคนหนึ่งที่เราไว้ใจมากทุกอย่าง

3 ก็อต ริชชี่ 7

อย่ากังวลอนาคตจนหมดความสุขในปัจจุบัน สิ่งที่เราพยายามมาวันนี้เรารู้สึกยังไงบ้าง ?

ก็อต : ผมมองว่าความรัก คือ สิ่งสวยงามอยู่แล้วเราจะสามารถมีความรักไปด้วยทำงานไปด้วยผมว่ามันก็ได้เพราะว่าผมอยากได้ 2 อย่างในชีวิตผม ครอบครัว ความรัก การทำงาน ซึ่งตอนนี้มีมาพร้อมกันซึ่งรู้สึกชีวิตเริ่มดีขึ้นมาก ๆ แล้ว

กระแสตอบรับของแฟนคลับเป็นยังไงบ้าง ?

ก็อต : คือ ตอนแรกเราสองคนก็ต้องบอกว่าเราก็กล้า ๆ กลัว ๆ นะครับ มันจะเป็นยังไงถ้าเปิดตัว แต่สุดท้ายมันมีคนที่ชื่นชอบอยู่แล้วเขาชอบตั้งแต่ที่เราเล่นละคร แล้วไปออกรายการเขาเชียร์ตลอดเพราะเขามองว่าเราเข้ากัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีครับ ที่เรารักกันหมายถึงว่าเรามีความรักให้กันแล้วมีคนชอบ มันไม่มีอะไรที่ดีไปกว่านี้แล้ว ก็ดีใจครับ

ฟังการเดินทางความรักของ ก็อต-ริชชี่ เหมือนดูซีรีส์เลย มานั่งอยู่ตรงนี้แล้วอยากบอกอะไรกัน ณ วันนี้

ก็อต : ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรยาว ๆ แล้ว เพราะว่าพูดไปเยอะแล้ว ก็อยากจะบอกว่า เดินไปด้วยกันไปได้ไกลนะ จับมือกันไปแล้วก็ไปสู่ในสิ่งที่เราหวังด้วยกันทั้งคู่ เขามีความฝันตลอด ซึ่งผมเองก็มีความฝัน เราก็จะจับมือกันไปทำความฝันให้สำเร็จ แล้วก็ใช้ชีวิตกันให้ดีที่สุด แล้วก็สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ออกมาให้แฟน ๆ ได้รับชมด้วย

ริชชี่ : ดีใจที่ได้รู้จักเขาค่ะ แล้วก็รู้สึกว่าดี ขอบคุณที่เขาแบบอดทนรอใช่ความพยายามมาก ๆ เลยเพราะว่าหนูรู้สึกว่าเราคิดมาตลอดเลยว่าถ้าเราไม่ได้เจอคนแบบนี้ ไม่ได้เป็นแบบที่เขาเป็น เราก็ไม่อยากมีแฟน ไม่ได้อยากมีใคร เราแฮปปี้อยู่แล้ว แต่พอมีคนหนึ่งที่เขาเป็นแบบนี้จนเรารู้สึกว่านอกจากอยู่คนเดียวแล้วเราก็รู้สึกว่าอยากมีเขาในชีวิตด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo