General

สั่งย้ายชั่วคราว ‘ผอ.รพ.นครพิงค์’ ถูกกล่าวหา ลัดคิว ‘วีไอพี’ ฉีดวัคซีนโควิด

ปลัด สธ. ลงนาม สั่งพักปฏิบัติหน้าที่ประจำผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ชั่วคราว ย้ายไปปฏิบัติราชการแทนที่ สำนักงานเขตสุขภาพที่ 1 เชียงใหม่ จากข้อกล่าวหาลัดคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับบุคคลวีไอพี จนกว่าคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจะแล้วเสร็จ คาดรู้ผลสอบ 1-2 วันนี้

วันนี้ (4 มี.ค.) นพ.เกียรติภูมิ วงศรจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามหนังสือคำสั่งพักปฏิบัติหน้าที่ประจำชั่วคราว ให้ นพ.วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ยุติการทำหน้าที่ประจำไปก่อน โดยให้มีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) หลังมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ การลัดคิวให้กลุ่มวีไอพี ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อน

154991026 1152109788573640 6608191118462056627 o

นพ.เกียรติภูมิ ระบุว่า ทั้ง 2 คน ถูกให้ไปปฏิบัติราชการแทนที่สำนักงานเขตสุขภาพที่ 1 เชียงใหม่ จนกว่าคณะกรรมการ จะดำเนินการสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จ ซึ่งคาดว่า จะรู้ผลสอบภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อให้สังคมคลายความสงสัย และให้วัคซีน 200,000 โดส ฉีดให้กับผู้ที่สมควรได้รับวัคซีนนี้

ปลัดสธ. อธิบายด้วยว่า เรื่องนี้มีผลกระทบ จึงต้องตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยมี นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ผู้ตรวจราชการ สธ. เป็นประธานตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งสอบเรื่องนี้ และกลับมาแล้ว  ขณะนี้เหลือรอเอกสาร รายละเอียดต่าง ๆ

“เมื่อมีการสอบสวนเรื่องนี้แล้วเสร็จ 1-2 วัน และพบว่าไม่มีมูลใด ๆ ก็กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ซึ่งการดำเนินการแบบนี้ เป็นเรื่องปกติของทางราชการ ที่ต้องปฏิบัติเมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน”

“แต่ขอให้เข้าใจว่าเรื่องนี้สำคัญ เพราะเมื่อมีกระแสข่าวออกไป ย่อมทำให้คนสงสัย และอาจเข้าใจผิดในเรื่องการจัดสรรกระจายวัคซีนโควิด-19 ซึ่งล็อตแรก จำนวน 200,000 โดส เป็นล็อตสำคัญ ต้องให้ได้อย่างถูกต้องตามเกณฑ์”

ทั้งนี้ ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการลัดคิวฉีดวัคซีนให้กลุ่มวีไอพี ในเชียงใหม่ เกิดขึ้น หลังมีเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งผู้ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันควบคุมโรค และกลุ่มเสี่ยงที่จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีการจัดสรรวัคซีนบางส่วน ฉีดให้กลุ่มวีไอพี แทนที่จะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์

ในโลกออนไลน์ ยังมีการแชร์ภาพของผู้ประกอบการรายหนึ่งในเชียงใหม่ ที่เป็นเจ้าของธุรกิจเกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยว เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดด้วย เนื่องจากเป็นนายกองค์กรเกี่ยวกับร้านอาหาร และสถานบันเทิง ที่ได้รับจัดสรรโควตาในส่วนของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มนี้มีความจำเป็นเร่งด่วน และความเหมาะสมหรือไม่อย่างไรในการรับวัคซีน เพราะยังมีผู้ทำงานเกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมากที่มีความเสี่ยงมากกว่า

นครพิงค์แจงข้อกล่าวหา ลัดคิววีไอพี 

ก่อนหน้านี้ พญ.ลดาวรรณ หาญไพโรจน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครพิงค์ ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรทางแพทย์ จำนวน 300 ราย ตามที่มีกระแสในโลกออนไลน์ขณะนี้ ว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนในรอบแรกจำนวน 1,750 ราย

154603203 461213178569254 942390070435896801 n

โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดสรรวัคซีนให้กับผู้ที่สมควรได้รับการฉีดในเบื้องต้น 2 ส่วน คือ

  • ส่วนที่ 1 จัดสรรให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนจำนวน 1,450 ราย เพื่อฉีดให้บุคลากรทางแพทย์
  • ส่วนที่ 2 จัดสรรให้บุคลากรด่านหน้า ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค อาทิ เจ้าหน้าที่ อสม. เจ้าหน้าที่ในท่าอากาศยาน เจ้าหน้าที่ปกครอง บุคลากรภาคการบริการและท่องเที่ยว ฯลฯ จำนวน 300 ราย โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นผู้คัดเลือกและจัดส่งรายชื่อให้โรงพยาบาลนครพิงค์ได้ทำการฉีดวัคซีน

ในส่วนของโรงพยาบาลนครพิงค์ ได้รับการจัดสรรวัคซีน เพื่อฉีดให้กับบุคลากรของโรงพยาบาล จำนวน 455 ราย ซึ่งทางโรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ให้บุคลากรที่ต้องการเข้ารับการฉีดวัคซีนลงทะเบียนทางออนไลน์ เพื่อจัดลำดับตามความเสี่ยงจากสัมผัสผู้ป่วย  แต่มีบางส่วนที่ไม่สามารถลงทะเบียนได้เนื่องจากเหตุขัดข้องทางระบบ

ดังนั้น จึงเกิดความเข้าใจผิดว่า ตนเองจะไม่ได้รับวัคซีน เพราะถูกแซงคิวโดยกลุ่มบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุคลากรทางแพทย์ ซึ่งเป็นการจัดสรรคนละส่วนกัน และทางโรงพยาบาลนครพิงค์ ได้ชี้แจงทำความเข้าใจ กับบุคลากรของโรงพยาบาลนครพิงค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โรงพยาบาล ยังได้ปรับแผนการฉีดวัคซีน โดยปรับให้ลงทะเบียนรายบุคคล แทนการลงทะเบียนออนไลน์ และขณะนี้ ทางโรงพยาบาลนครพิงค์ได้ฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรของโรงพยาบาลแล้วจำนวน 176 ราย ซึ่งคาดว่า จะสามารถฉีดครบตามจำนวนที่ได้รับการจัดสรร คือ 455 ราย ภายในวันศุกร์นี้ (5 มี.ค.)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo