ผู้ชุมนุมในเมืองมัณฑะเลย์ ของเมียนมา พร้อมใจเดินขบวนแห่โลงศพของ นางสาวมา เจ ซิน หรือ จัล ซิน หรือที่รู้จักในชื่อ แองเจิ้ล เด็กสาววัย 19 ปี นักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงยิงศีรษะจนเสียชีวิต ระหว่างร่วมการประท้วงเมื่อวานนี้ (3 มี.ค.)
ท่ามกลางกระแสประณามกองทัพและเจ้าหน้าที่อย่างดุเดือด หลังมีการแชร์ภาพช่วงเวลาสุดท้ายของหญิงสาวผ่านทางเฟซบุ๊ก ที่แสดงให้เห็นว่า นางสาวมา เจ ซิน สวมเสื้อยืดสีดำ มีข้อความภาษาอังกฤษว่า “Everything will be OK” หรือทุกอย่างจะเรียบร้อย นั่งหมอบ หลบกซ่อนตัวจากการตอบโต้ของเจ้าหน้าที่อยู่บนถนนซึ่ งมีผู้ประท้วงอีกหลายคนนั่งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ก่อนเคราะห์ร้ายถูกกระสุนเจาะเข้าศีรษะจนเสียชีวิต สร้างความสะเทือนใจไปทั่วโลก
นายเมียต ธู อายุ 23 ปี ผู้ประท้วงที่อยู่ในเหตุการณ์เปิดเผยว่า นางสาวมา เจ ซิน เป็นหญิงสาวกล้าหาญที่เตะท่อน้ำจนแตก เพื่อให้ผู้ร่วมการประท้วงล้างหน้าล้างตาหลังเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาใส่ และยังเป็นคนขว้างกระป๋องแก๊สน้ำตากลับไปยังเจ้าหน้าที่อีกด้วย
“ตอนที่ตำรวจเปิดฉากยิง เธอบอกฉันว่านั่งล งๆ กระสุนจะโดนคุณนะ คุณเหมือนอยู่บนเวทีเลย เธอเป็นห่วง และพยายามปกป้องผู้ประท้วงคนอื่น ๆ” นายเมียต ธู กล่าว และว่า ก่อนเจ้าหน้าที่จะใช้กำลังสลายการชุมนุม น.ส.เจ มา ซิน ตะโกนว่า “เราจะไม่วิ่งหนี เลือดจะต้องไหลริน”
ตอนแรกเจ้าหน้าที่ก็ยิงแค่แก๊สน้ำตา จากนั้นเริ่มสาดกระสุนปืน ผู้ประท้วงพยายามหลบ และหนีตาย ไม่นานนักตนก็ได้รับข้อความแจ้งว่ามีผู้หญิงเสียชีวิต 1 คน ตนไม่รู้เลยว่าจะเป็นนางสาวมา เจ ซิน กระทั่งมีการแชร์รูปภาพบนเฟซบุ๊ก เผยให้เห็นหญิงสาวนอนเสียชีวิต และมีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ
ก่อนหน้านี้ นางคริสติน ชราเนอร์ บัวร์เกอเนอร์ ทูตพิเศษด้านกิจการเมียนมาของสหประชาชาติ กล่าวว่าการสลายการประท้วงต่อต้านกองทัพ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเมียนมา เฉพาะเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 คน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนถูกจับกุม “อีกเป็นจำนวนมาก” “ถือเป็นวันนองเลือดที่สุด” นับตั้งแต่วันรัฐประหาร 1 กุมภาพันธ์
ขณะที่องค์กรเซฟ เดอะ ชิลเดรน ระบุว่า สื่อท้องถิ่นหลายแห่งในเมียนมาให้ข้อมูลไปในทางเดียวกันว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อวานนี้ มีเยาวชนชายอายุ 14 ปี และ 17 ปี และหญิงสาวอายุ 19 ปี รวมอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม คณะมนตรีการปกครองแห่งรัฐ หรือรัฐบาลทหารเมียนมา ยังไม่เคยออกมาให้ความเห็นอย่างเป็นทางการ ต่อปฏิบัติการปราบปรามการชุมนุมประท้วงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งมีการยกระดับความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จากการฉีดน้ำแรงดันสูงในช่วงแรก จนกระทั่งมีการใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนจริงในที่สุด
ด้านนายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันขอประณามการที่เจ้าหน้าที่ของเมียนมาเพิ่มการใช้ความรุนแรงกับประชาชน และยืนยันว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน “กำลังประเมินมาตรการเหมาะสมขั้นต่อไป” เพื่อยกระดับกดดันกองทัพเมียนมาขึ้นอีกขั้น ทั้งนี้ ไพรซ์กล่าวถึงการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับจีน เกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม ณ เวลานี้
อ่านข่าวต่างประเทศ
- ด่วน! เปิด 2 เที่ยวบินอพยพ พาคนไทยกลับจาก ‘เมียนมา’
- ‘โป๊ปฟรานซิส’ ร้องกองทัพเมียนมา หยุดรุนแรง วันนี้ผู้ประท้วงดับเพิ่ม 9 ศพ
- เมียนมานองเลือด! ทหารลั่นไกใส่ผู้ประท้วง วันเดียวดับ 18 ราย
