Finance

ราคาทองวันนี้ 1 มี.ค. พุ่ง 100 บาท ระวังแรงเทขาย

สมาคมค้าทองคำ รายงาน ราคาทองวันนี้ 1 มี.ค. 2564  เปิดตลาดปรับขึ้น 100 บาท จากราคาปิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 ก.พ.)

ราคาทองวันนี้ 1 มี.ค. ทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศ มีราคารับซื้อ อยู่ที่บาทละ 25,100 บาท ขายออกที่บาทละ 25,200 บาท ส่วนราคาทองรูปพรรณ 96.5% รับซื้ออยู่ที่ ราคาบาทละ 24,650.16 บาท และขายออก ที่บาทละ 25,700 บาท

ขณะที่ ราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot ล่าสุดอยู่ที่ 1,747.50 ดอลลาร์ ต่อออนซ์

ราคาทองวันนี้ 1 มี.ค.

ราคาทองคํา Spot เช้านี้ฟื้นตัวขึ้นจากช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ราคาดิ่งหนัก จากการปรับตัวขึ้นของพันธบัตรสหรัฐ และการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ทองคำในประเทศเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ต้นเดือนมี.ค. ปรับขึ้น หลังจากช่วงปลายสัปดาห์ร่วงหนักรวม 600 บาท

สัปดาห์นี้ยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จากทั่วโลก หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อมีสัญญาณชะลอตัวลง จากที่หลายๆ ประเทศได้ทยอยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง และนอกจากนี้ ติดตามความคืบหน้าการออกมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของสหรัฐ

ส่วนรายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ติดตามการประกาศตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนก.พ. รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) รวมถึง จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคการบริการเดือนก.พ. และยอดคำสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานเดือนม.ค. เป็นต้น

ประกาศราคาทองคำในประเทศเปิดตลาดวันจันทร์ต้นเดือน 1 มีนาคม ปรับขึ้น 100 บาท หลังจากช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา 3 วัน(พฤหัส-เสาร์) ราคาร่วงหนักรวม 600 บาท ในขณะที่เงินบาทเช้านี้อ่อนค่าต่อเนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบริเวณ 30.42 บาท ส่งผลเป็นปัจจัยบวกต่อทองในประเทศ

ฮั่วเซ่งเฮง วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดจะฟื้นตัวขึ้น แต่ต้องระวังแรงเทขาย เนื่องจากราคาทองคำทางด้านเทคนิคยังเคลื่อนไหวในทิศทางขาลง โดยทองคำจะมีแนวต้านแรกที่บริเวณ 1,760 ดอลลาร์

หากผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,780 ดอลลาร์ ในขณะที่แนวรับ 1,717 ดอลลาร์ จะเป็นแนวรับแรก และหากหลุดแนวรับดังกล่าว จะมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1,700 ดอลลาร์

ราคาทองวันนี้ 1 มี.ค.

ทางด้าน วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ระบุว่า  ราคาทองคำวันศุกร์ (26 ก.พ.) ที่ผ่านมาปิดดิ่งลง 37.47 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการปรับตัวลดลงราว 3% พร้อมกับปิดเดือน กุมภาพันธ์ด้วยการปรับตัวลดลงกว่า 6%  นับเป็นเดือนที่แย่ที่สุด ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2559 เป็นต้นมา

ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบปีที่ 1.614% ในวันศุกร์ จากการคาดการณ์ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐจะเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง

ส่วนดัชนีดอลลาร์ขยับขึ้นทดสอบระดับสูงสุด 90.97 และปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% จากวันพฤหัสบดี (25 ก.พ.) หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาด

อาทิ การใช้จ่ายส่วนบุคคลที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 เดือน นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากแรงขายทางเทคนิกหลังจากราคาทองคำทำระดับต่ำสุดของปีนี้ครั้งใหม่ ซึ่งกระตุ้นแรงขาย (Sell stop) จนส่งผลให้ราคาทองคำทิ้งตัวลงแรง

ขณะที่นักลงทุนยังคงลดสถานะในการลงทุน ETF ทองอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากข้อมูล Fund Flow รายสัปดาห์ของ BofA ที่แสดงให้เห็นว่าเกิดกระแสเงินทุนไหลออกจากกองทุน ETF ทองคำมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันพุธ

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลงในวันศุกร์ 6.70 ตัน ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดกดดันให้ทองคำดิ่งลงอย่างหนักจนแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนครั้งใหม่บริเวณ 1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนจะมีแรงซื้อหนุนให้ราคาลดช่วงติดลบในช่วงปลายตลาด

สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐ

คำแนะนำ หาจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงเสี่ยงเข้าซื้อลงทุนระยะสั้น แม้ว่าแนวโน้มราคาเป็นลบ แต่หากราคาทองคำสามารถยืน 1,730-1,717 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคามีโอกาสดีดตัวขึ้น และให้ทยอยแบ่งทองคำออกขายหากราคาไม่ผ่านแนวต้าน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo