Business

‘ไมเนอร์’ ตุนเงินสด-สินเชื่อกว่า 5 หมื่นล้าน มั่นใจธุรกิจเริ่มฟื้น ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

ไมเนอร์ ตุนเงินสดสำรอง วงเงินสินเชื่อ รวมกว่า 5 หมื่นล้าน พร้อมลุยเดินหน้าธุรกิจได้อีก 2 ปี มั่นใจจากนี้เริ่มฟื้น หลังผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT) เปิดเผยว่า หลังจากผ่านสองเดือนแรกของปี 2564 ไมเนอร์ คาดว่า ธุรกิจจะยังคงเผชิญกับความท้าทายในช่วงครึ่งปีแรก จนกว่าจะมีการกระจายของวัคซีนในวงกว้าง

ไมเนอร์

อย่างไรก็ตาม MINT อยู่ในฐานะที่พร้อมจะดำเนินธุรกิจ เมื่อพรมแดนของแต่ละประเทศกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยว และภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ไมเนอร์ โฮเทลส์ คาดว่าการดำเนินงานในทวีปยุโรปจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากการเดินทางภายในภูมิภาค ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก

ส่วนไมเนอร์ ฟู้ด จะยังคงมุ่งขยายตลาดการจัดส่งอาหารที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน จะเร่งยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการ ของธุรกิจนั่งรับประทานอาหารภายในร้าน เมื่อมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมเริ่มผ่อนคลาย

ทั้งนี้ ในระยะสั้น ยอดขายที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นแรงผลักดันของรายได้โดยรวมและกระแสเงินสดของ MINT เนื่องจากความต้องการยังคงแข็งแกร่ง

ภาพ FOOD PRODUCT ในเครือ MINT2522564 BE 210225 7

ในขณะเดียวกัน MINT จะยังคงให้ความสำคัญกับการลดกระแสเงินสดจ่ายด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายและเงินลงทุน ในขณะที่ยังบริหารจัดการฐานะทางการเงินอย่างมีวินัย

นอกจากนี้ ไมเนอร์ยังมีเงินสดจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่อจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมกราคม 2564 ซึ่งทำให้บริษัทมีเงินทุนสำรองที่เพียงพอ สำหรับการดำเนินงานต่อไปได้อีกนานกว่าสองปี นอกจากนี้ การฟื้นตัวของธุรกิจจะช่วยให้บริษัทมีฐานเงินสดที่เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา MINT ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อขยายระยะเวลาการยกเว้นการทดสอบการดำรงอัตราส่วนทางการเงินออกไปอีกสองปีจนถึงสิ้นปี 2565

ภาพ FOOD PRODUCT ในเครือ MINT2522564 BE 210225 8

ขณะที่คณะกรรมการบริษัท ได้อนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งมีวันครบกำหนดในปี 2566 (MINT W-8 Warrants) และ 2567 (MINT W-9 Warrants) โดยการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิจะช่วยเสริมสร้างฐานส่วนของผู้ถือหุ้นของ MINT ให้เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ด้วยจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 6.2

มาตรการทั้งหลายดังกล่าวจะช่วยให้ MINT มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการฐานะทางการเงินด้วยมาตรการอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการหมุนเวียนสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่สองและสามของปี 2564

“ผมมั่นใจว่าบริษัทได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว ในปี 2563 ที่ท้าทาย บริษัทได้ใช้โอกาสในการปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายเพื่อให้บริษัทดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”นายดิลลิป กล่าว

ภาพ asset ในเครือ MINT2522564 BE 210225 18

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัท ในไตรมาส 4 ปี 2563 โดยมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 5,600 ล้านบาทในซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับในไตรมาส 3 ปี 2563 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ระลอกที่สองทั่วโลก

ผลชาดทุนดังกล่าว มีสาเหตุมาจากการที่หลายภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ ยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่สอง ส่งผลให้มีการปิดประเทศและมีการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมการระบาดของโรค

สำหรับในปี 2563 MINT มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 1.88 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 2 ปี 2563 เป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคที่หนักที่สุด เนื่องจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้มีการออกมาตรการปิดประเทศส่งผลให้การเดินทางต้องหยุกชะงัก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้มในระยะสั้น จะยังคงมีความไม่แน่นอน เนื่องจากการระบาดส่งผลกระทบในระดับที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค แต่แนวโน้มในระยะยาว มีสัญญาณเชิงบวกมากขึ้นเรื่อย ๆ จากข่าวเกี่ยวกับประสิทธิภาพและการกระจายวัคซีน รวมถึงการจองห้องพักล่วงหน้า ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ส่วนสถานการณ์แต่ละกลุ่มธุรกิจในเครือ พบว่า กำไรสุทธิจากการดำเนินงานของไมเนอร์ ฟู้ดในไตรมาส 4 ปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากไตรมาส 4 ปี 2562 โดยมีสาเหตุมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนและมาตรการการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวด

สำหรับ ไมเนอร์ โฮเทลส์ ในประเทศมัลดีฟส์และออสเตรเลีย มีการฟื้นตัวอย่างโดดเด่น โดยทั้งสองประเทศมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละเดือน ในช่วงไตรมาสที่สี่ โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในเดือนธันวาคมปี 2563 อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับเดือนธันวาคมปี 2562

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีมาตรการการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวด แต่ด้วยรายได้โดยรวมที่ลดลง ส่งผลให้ไมเนอร์ โฮเทลส์ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานซึ่งไม่นับรวมผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 5,100 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปี 2563 เมื่อเทียบกับผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 4,400 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2563

อีกทั้ง การฟื้นตัวของอนันตรา เวเคชั่น คลับและยอดขายของโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถกลับมาสร้างผลกำไรสุทธิได้ในไตรมาส 4 ปี 2563

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo