Opinions

ส่องกลยุทธ์การปรับตัว โรงแรมหรู กทม.-แหล่งท่องเที่ยว ฝ่าวิกฤติโควิด

Avatar photo
กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด (Property DNA)
67228

การปิดกั้นการเดินทางระหว่างประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อธุรกิจท่องเที่ยว และตลาดโรงแรมทุกระดับทั่วโลก โดยเฉพาะโรงแรมระดับหรู (Luxury) ที่ค่าห้องพักต่อคืนสูงกว่าโรงแรมระดับอื่นๆ อีกทั้งเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง รวมไปถึงจำนวนพนักงานที่มากกว่า

หลายโรงแรมระดับ Luxury ในกรุงเทพมหานคร ปิดให้บริการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา แม้ว่าจะมีบางแห่ง ที่เปิดให้บริการในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 แต่ก็ไม่ได้ช่วยในเรื่องของรายได้มากนัก เพราะไม่มีชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยเลย ในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน – กันยายน 2563

hotel

แม้จะมีนักท่องเที่ยว เดินทางเข้าประเทศไทยบ้าง ในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม แต่ก็มีจำนวนไม่มากนัก โรงแรมระดับ Luxury หลายแห่ง ปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมเพื่อรับการกักตัวของคนไทย และต่างชาติ ที่เดินทางเข้าประเทศไทย รวมไปถึงการขายสินค้า อาหารต่าง ๆ แต่ยังไม่สามารถสร้างรายได้ทดแทน

การปิดให้บริการชั่วคราว จึงเป็นทางเลือกที่หลายโรงแรมเลือกจำเป็นต้องนำมาใช้ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

อุปทาน

1 0

จำนวนห้องพักของโรงแรมระดับ Luxury ในกรุงเทพมหานคร ณ สิ้นปี 2563 มีทั้งหมดประมาณ 16,370 ห้อง โดยที่ในปี 2563 มีห้องพักของโรงแรมระดับ Luxury ประมาณ 1,507 ห้อง เปิดให้บริการใหม่ ซึ่งจำนวนห้องพักของโรงแรมระดับ luxury อยู่ในทิศทางที่มากขึ้นต่อเนื่อง มาตั้งแต่ปี 2559 จากที่มีจำนวนไม่มากนัก และมีมากกว่า 1,500 ห้องเพียงบางปีเท่านั้น

ขณะที่ในปี 2563 – 2566 มีห้องพักมากกว่า 1,000 ยูนิตต่อปี เปิดให้บริการใหม่ต่อเนื่อง เนื่องจากช่วงระหว่างปี 2561 – 2562 ตลาดการท่องเที่ยว อยู่ในช่วงการขยายตัว โรงแรมทุกระดับ มีอัตราการเข้าพักที่สูงมาก จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการผลักดันให้เกิดการลงทุน พัฒนาโรงแรมระดับ Luxury มากขึ้น ในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย

โรงแรมระดับ Luxury อีกมากกว่า 5,200 ห้อง กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงระหว่างปี 2564 – 2566 ยังไม่รวมโรงแรมระดับรองลงไป ที่กำลังก่อสร้าง และมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงเวลาเดียวกัน อีกไม่น้อยกว่า 8,500 ห้อง

จำนวนของโรงแรมระดับ Luxury ลงไปถึงระดับกลาง ที่กำลังก่อสร้าง อยู่ในกรุงเทพมหานคร และมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2566 มีทั้งหมดประมาณ 13,800 ห้อง โรงแรมที่กำลังก่อสร้างเหล่านี้ มีหลายแห่งที่ชะลอการก่อสร้าง และเลื่อนวันที่แล้วเสร็จ ออกไปจากกำหนดเดิม

บางแห่งเลื่อนกำหนดเปิดให้บริการจากปี 2563 มาเป็นปี 2564 บางแห่งเลื่อนออกไปจากปี 2564 เพราะคาดการณ์ว่า การท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัวในปี 2563 – 2564

อุปสงค์

3 9

ปี 2563 มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าพักโรงแรมในกรุงเทพมหานครทั้งหมด 12.47 ล้านคนลดลงมากกว่า 66% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าพักโรงแรม ในกรุงเทพมหานครทั้งหมด 36.41 ล้านคน

จำนวนของผู้เข้าพักโรงแรมที่ลดลงนั้น มาจากการที่ประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทย ปิดกั้นการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลโดยตรง ต่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ แม้ว่าในช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา ที่ประเทศไทยเริ่มเปิดรับชาวต่างชาติ ให้สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่ต้องเข้ารับการกักกันโรคเป็นระยะเวลา 14 วันทุกคน แบบไม่มีข้อยกเว้น

การผ่อนปรนดังกล่าว มีผลให้ช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม มีชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยรวมทั้งหมด 10,822 คน จากที่ไม่มีเลยในช่วงเดือนเมษายน – กันยายน

อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมทุกระดับ ในกรุงเทพมหานคร ในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 28% ลดลงจากปี 2562 ซี่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 82.2% โดยในปี 2563 มีเพียงเดือนมกราคม และเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้น ที่มีอัตราการเข้าพักเกิน 20% นอกนั้นแทบไม่มีคนเข้าพักเลย เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมไปถึงชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาทำงาน ติดต่อธุรกิจ หรือวัตถุประสงค์อื่น ๆ เดินทางเข้ามาในประเทศไทย

นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่งมีให้เห็นในเดือนตุลคาม – ธันวาคม  2563 จากมาตรการรับชาวต่างชาติ ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แต่ต้องเข้ารับการกักกันโรค 14 วันก่อนถึงจะเข้าประเทศไทยได้แบบสมบูรณ์

สถานการณ์การท่องเที่ยวระหว่างประเทศในปี 2564 คงยังไม่แตกต่างจากปี 2563 มากนัก ประเทศต่าง ๆ คงอยู่ในช่วงปิดกั้นการเดินทางระหว่างประเทศ แม้ว่าจะมีหลายประเทศ ได้รับวัคซีน และกระจายสู่คนในประเทศตนเองบ้างแล้วในปี 2564

แต่ประเทศเหล่านั้น คงยังไม่เปิดประเทศต้อนรับชาวต่างชาติเหมือนก่อนหน้านี้ เพราะอีกหลายประเทศยังรอการฉีดวัคซีน อีกทั้งยังต้องรอดูผลของวัคซีนที่ได้รับอีก ตลาดโรงแรมระดับ Luxury คงเป็นตลาดที่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานกว่าโรงแรมในระดับที่รองลงไป เนื่องจากค่าห้องพักสูง ไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้

2 0

อัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีของโรงแรมระดับ Luxury ในกรุงเทพมหานครลดลงกว่า 70% เมื่อเทียบกับปี 2562 โดยเป็นการลดลง เพราะชาวต่างชาติ ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้แบบปกติ อีกทั้งการสั่งปิดโรงแรมที่พักต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญ ในการประกอบธุรกิจโรงแรมในปีที่ผ่านมา

แม้ว่ารัฐบาลพยายามออกมาตรการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นมา และเริ่มเห็นผลบวกมากขึ้น ในหลายเมืองท่องเที่ยว แต่การแพร่ระบาดอีกรอบ ของไวรัสโควิด-19 ช่วงกลางเดือนธันวาคม  2563 ต่อเนื่องต้นปี 2564 กลายเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ในการทำให้คนไทย ที่ต้องการเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีต่อเนื่องต้นปี จำเป็นต้องชะลอแผนการท่องเที่ยวของตนเองออกไป และมีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดโรงแรมที่พักทั่วประเทศไทย

การรับชาวต่างชาติเข้ามาตามเงื่อนไข ที่ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กำหนด ก็ยังไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้ สถานการณ์ของธุรกิจโรงแรมดีขึ้น เพราะต้องกักตัว 14 วัน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ยังคงสูงกว่าปกติ จึงมีชาวต่างชาติเพียง 10,822 คนเท่านั้นที่เดินทางเข้ามาหลังจากมีมาตรการผ่อนปรนนี้ออกมาในเดือนกันยายน  2563

ค่าเช่า

เนื่องจากสถานการณ์การเดินทางระหว่างประเทศที่ไม่ปกติ จึงมีผลโดยตรงต่อค่าห้องพัก และรายได้ของโรงแรมทุกระดับ ในประเทศไทย และในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

โรงแรมจำนวนมากในประเทศไทย รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ปิดให้บริการชั่วคราว ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โรงแรมที่เปิดให้บริการทุกแห่ง ก็เปิดให้บริการ โดยการลดค่าห้องพักลงมากกว่า 20 – 30% บางแห่งลดลงมากกว่า 50% เพื่อกระตุ้นความน่าสนใจให้กับคนไทย รวมไปถึงโรงแรมหลายแห่งเปิดขายอาหาร เพื่อให้โรงแรมพอมีรายได้บ้างเท่านั้นในช่วงที่ไม่มีชาวต่างชาติ ไม่ต้องคาดหวังว่าจะสร้างรายได้ทดแทนค่าห้องพักที่หายไป

นอกจากนี้น ยังมีโรงแรมหลายแห่ง ในกรุงเทพมหานคร และเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เปิดให้บริการแบบรายเดือน ในอัตราที่ไม่สูงมาก หรือเทียบเท่ากับคอนโดมิเนียม หรืออพาร์ทเม้นต์ระดับสูง แต่มีบริการแบบโรงแรมให้กับผู้เช่าด้วย

โรงแรมหลายแห่งในเมืองท่องเที่ยว และกรุงเทพมหานคร ประกาศแบบเฉพาะกลุ่ม หรือเฉพาะคนในวงจำกัด เพราะไม่อยากประกอบกิจการต่อแล้ว และขาดรายได้ จนไม่สามารถผ่อนชำระสินเชื่อธนาคารได้ ซึ่งจะเห็นได้จากโรงแรมใหม่ ๆ หรือโรงแรมที่เปิดให้บริการไม่นาน รวมไปถึงโรงแรมที่กำลังก่อสร้างหลายแห่ง ก็พร้อมจะขายทันที ที่ได้ราคาที่ต้องการ

แต่มุมมองของทั้งคนจะซื้อและคนจะขายนั้น ยังแตกต่างกันพอสมควร จึงยังไม่สามารถปิดการขายได้ในปีที่ผ่านมา แต่ถ้าสถานการณ์ยังคงต่อเนื่องไปแบบนี้ คงเห็นการปิดการขายมากขึ้น และมีโรงแรมพร้อมที่จะขายมากขึ้นแน่นอน

อ่านข่าวเพิ่มเติม