COVID-19

รวมพลัง อสม. 1 ล้าน 5 หมื่น คน บอกต่อ วัคซีนป้องกันโควิด 19

สธ. จับมือ อสม. 1 ล้าน 5 หมื่นคน บอกต่อ “วัคซีนป้องกันโควิด 19” ออกเคาะประตูบ้าน สำรวจคัดกรองกลุ่มเป้าหมายในชุมชน ชวนแอดไลน์ “หมอพร้อม”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ประชุมทางไกลผู้บริหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด หัวหน้างานสุขภาพภาคประชาชน ประธานชมรม อสม.จังหวัด อำเภอ ผู้แทนสาธารณสุขอำเภอ มอบหมายภารกิจ อสม.พร้อม บอกต่อเรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19

อนุทิน 2

นายอนุทินกล่าวว่า รัฐบาลได้มอบหมายให้ กระทรวงสาธารณสุข จัดหาและจัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยตามความสมัครใจ ซึ่งขณะนี้ วัคซีน 3 แสนโดสแรกถึงประเทศไทยแล้ว ทั้งจากบริษัทซิโนแวค และแอสตราเซเนกา ซึ่งจะทยอยส่งจนครบ 63 ล้านโดส และฉีดให้กับประชาชนภายในปี 2564 กระทรวงสาธารณสุข

ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้ อสม.กว่า 1 ล้าน 5 หมื่น คน ลงพื้นที่เคาะประตูบ้าน ให้ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด 19 แก่ประชาชน รวมทั้งให้สำรวจกลุ่มเสี่ยง และคัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับวัคซีนเป็นอันดับแรก ให้คำแนะนำความสำคัญที่ต้องได้รับวัคซีน ความปลอดภัย รวมถึงขั้นตอนการรับการฉีดวัคซีน

11 8

นอกจากนี้ ให้เชิญชวนประชาชนลงทะเบียนผ่าน LINE Official Account “หมอพร้อม” ที่เป็นช่องทางการสื่อสาร ตลอดจนติดตามอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ระบบนัดในการรับวัคซีน และการรายงานผลแก่เจ้าหน้าที่ โดยจะเริ่มฉีดให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป

ที่ผ่านมา อสม.ถือเป็นกลไกสำคัญ ในการควบคุมการระบาด สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เชื่อว่า พลังของ อสม.จะถูกนำมาใช้อีกครั้ง ในการเป็นกระบอกเสียง สร้างการรับรู้ และความเข้าใจเรื่องวัคซีน รวมถึงการสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์ และบุคลากรสาธารณสุข เพื่อร่วมกันปกป้องประเทศ ให้รอดพ้นจากโรคโควิด 19 ครั้งนี้

ด้านนายแพทย์ธเรศ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวต่อว่า สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19
ในระยะแรกที่มีวัคซีนจำกัด จะฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมาย ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข กลุ่มบุคลากรด่านหน้า อสม. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เป็นต้น

ทั้งนี้ รวมถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือดโรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด โรคเบาหวาน โรคอ้วน ประชาชนและแรงงานกลุ่มเสี่ยง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo