รังสิมันต์ ซัด บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ พัวพันผลประโยชน์โยกย้ายตำรวจ โชว์ตั๋วซื้อขายตำแหน่งกลางสภาฯ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวหาว่าพล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
นอกจากนี้ ยังกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีความไม่โปร่งใสในการบริหารราชการตำรวจ จนกลายเป็นที่ซ่องสุมกลุ่มผลประโยชน์ กอบโกยยศตำแหน่ง มีการปล่อยปละละเลยให้ผู้ไม่มีอำนาจบงการในการโยกย้ายตำแหน่งมาตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกิดระบบอุปถัมภ์ และการใช้เส้นสายในวงการตำรวจ
ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร มีความเกี่ยวข้องโดยตรงในการแต่งตั้งโยกย้าย ในฐานะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แต่กลับละเลยให้มีการซื้อขายตำแหน่ง โดยใช้ตั๋วแสดงเส้นสายจากนายตำรวจระดับสูง มีการทำเป็นหนังสือทางราชการขอสนับสนุนอย่างโจ่งแจ้ง
พร้อมกันนี้ ได้นำตั๋วซื้อขายตำแหน่งตำรวจเมื่อปี 2562 มาแสดงในที่ประชุม ซึ่งเป็นเอกสารขอสนับสนุน แต่งตั้งตำรวจแบบย้ายข้ามกองบัญชาการ จึงตั้งคำถามไปยังพล.อ.ประวิตร ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธาน ก.ตร.ในขณะนั้น จงใจละเลยให้เกิดเรื่องดังกล่าวหรือไม่
นายรังสิมันต์ ชี้ให้เห็นว่า การยกเว้นหลักเกณฑ์ดังกล่าว เป็นความรับผิดชอบของพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร โดยตรง ทั้งที่การเลื่อนขั้นนายตำรวจ ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การดำรงตำแหน่งแต่ละชั้นตามระยะเวลาที่กำหนด ถือเป็นการทำลายระบบคุณธรรม ที่สร้างความเสียหายอย่างมาก ทำให้กับนายตำรวจผู้ปฏิบัติงานเสียกำลังใจตำรวจที่อยากเติบโตต้องวิ่งเต้น คนที่ไม่วิ่งเต้นก็ไร้ที่ยืน
ทั้งนี้ ในระหว่างการอภิปรายของนายรังสิมันต์ ถูก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่านายรังสิมันต์ พยายามใส่ร้ายป้ายสี พล.อ.ประวิตรตลอด
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ไทยคู่ฟ้า’ เคลียร์ชัด! ทุกคำถามร้อนของ ‘บิ๊กตู่’ ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
- ‘บิ๊กตู่’ เคือง! เดินออกจากห้องประชุม หลังฝ่ายค้านจับกลุ่มขำ ไม่สนชี้แจง
- ‘นายกรัฐมนตรี’ ขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทยับยั้ง ‘โควิด-19’ รอบใหม่
