COLUMNISTS

สว.ใหม่ อำนาจเก่า ตัวแปรใหญ่การเมืองไทย

Avatar photo
651

ใกล้จะได้เห็นบทพิสูจน์จากการออกแบบระบบการเมืองสไตล์มีชัย ฤชุพันธุ์ ใต้เงา คสช.ผ่านรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ถูกเรียกว่ารัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตยครึ่งใบกันแล้ว

ระบบแรกที่กำลังจะคลอดออกมาคือที่มาของสภาสูง หรือวุฒิสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้มี 250 คน มีบทเฉพาะกาลกำหนดในวาระเริ่มแรกให้ดำรงตำแหน่งได้ 5 ปี คือคาบเกี่ยวไปถึงวาระของรัฐบาล 4 ปี ไป 2 สมัย

แบ่งที่มาออกเป็น 3 ช่องทาง คือ

  • ช่องทางที่ 1 ส.ว.50 คนแรก เป็นหน้าที่กกต.จัดให้ผู้สมัครสว.จากองค์กรต่างๆ เลือกกันเอง คัดสรรเหลือ 200 คนส่งรายชื่อให้ คสช.เลือกเหลือ 50 คน และบัญชีสำรองอีก 50 คน
  • ช่องทางที่ 2 มาจากคณะกรรมการสรรหาที่คสช.เป็นผู้แต่งตั้งส่งรายชื่อไม่เกิน 400 คนให้คสช.เลือกเหลือ 194 คน
  • ช่องทางสุดท้าย เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง 6 คน ประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

หลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา กกต.ก็เดินหน้าในส่วนของส.ว. 50 คนแรก  โดยกำหนดปฏิทินปฏิทินเลือกตั้งสว.ของ กกต.เอาไว้ดังนี้

  • 14 กันยายน กกต.ให้ความเห็นชอบระเบียบว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.
  • 12 ตุลาคม ประกาศวันลงทะเบียน องค์กร ที่มีสิทธิ์เสนอชื่อส.ว.
  • 15-24 ตุลาคม กกต.จังหวัดรับลงทะเบียนองค์กรฯ
  • 16 พฤศจิกายน เสนอครม ออกประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกส.ว.
  • 20 พฤศจิกายน ประกาศรายชื่อองค์กรที่มีสิทธิ์เสนอชื่อส.ว.
  • 26-30 พฤศจิกายน รับสมัคร ส.ว.
  • 16 ธันวาคม เลือกกันเองระดับอำเภอ
  • 22 ธันวาคม เลือกกันเองระดับจังหวัด
  • 27 ธันวาคม เลือกกันเองระดับประเทศ
  • 2 มกราคม 2562 กกต.ส่งรายชื่อผู้ได้รับเลือก 200 คนให้คสช.หรือไม่เกินวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562

ครบขั้นตอนทั้งหมดก็เป็นอันหมดภารกิจของ กกต. ที่เหลือเป็นเรื่องที่คสช.จะดำเนินการ โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้ กกต.ต้องดำเนินการในส่วนนี้ให้แล้วเสร็จ ก่อนวันที่มีการเลือกตั้งส.ส.ไม่น้อยกว่า 15 วัน

ดังนั้นจากปฏิทินของ กกต.ก็พอจะให้ความมั่นใจต่อสังคมได้ว่า การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 หากไม่มีปัจจัยแทรกซ้อนชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน กำหนดการเลือกตั้งคงจะไม่เลื่อนออกไปง่าย ๆ

ส่วนวุฒิสภา 194 คน จากกรรมการสรรหาที่ คสช.ตั้งขึ้นนั้นจะมีการคัดเลือกบุคคลไม่เกิน 400 คน นำเสนอต่อคสช.ภายในกรอบเวลาเดียวกับส.ว.จากการดูแลของ กกต.คือต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนวันที่มีการเลือกตั้งส.ส.ไม่น้อยกว่า 15 วัน

จากนั้น คสช.ก็จะไปคัดสรรผู้สมควรเป็นส.ว.ทั้งจากการคัดเลือกภายใต้การดูแลของ กกต. 50 คน บัญชีสำรอง 50 คน และรายชื่อที่กรรมการสรรหาส่งให้เหลือ 194 คน ไปรวมกับส.ว.โดยตำแหน่งอีก 6 คน รวม 250 คน ให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งพล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล เคยให้ข้อมูลผ่านสื่อมวลชนไว้ว่าน่าจะได้เห็นโฉมหน้า ส.ว.ใหม่ทั้ง 250 คน ภายในเดือนเมษายน 2562

สาเหตุที่การได้มาซึ่งส.ว.ช้ากว่ากำหนดวันเลือกตั้งราว 2 เดือน เป็นเพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ คสช.ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งทางกกต.จะปรับรูปแบบการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.ใหม่ จากเดิมที่เคยทยอยประกาศกรณีที่ไม่มีการร้องคัดค้านไปก่อน มาเป็นรอให้ได้ส.ส.ครบ 95 % ก่อนจึงจะประกาศรับรองผลซึ่งก็คาดว่าน่าจะใช้เวลาราวเดือนเศษนับจากวันเลือกตั้ง

เมื่อได้ ส.ว.ใหม่ภายใต้อำนาจเก่าของคสช.แล้ว ก็จะถึงเวลาพิสูจน์ฝีมือการออกแบบระบบการเมืองฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์กันแล้วว่า.จะทำให้บ้านเมืองเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ หรือจะกลายเป็นฟันเฟืองชำรุดทำให้การเมืองสะดุด เพราะส.ว.ใหม่ทั้ง 250 คน จะเป็นตัวแปรใหญ่ของการเมืองไทย ในการเลือกนายกรัฐมนตรี

หากเสียงส.ว.ไม่ยอมมอบให้กับพรรคการเมืองที่จับขั้วรวมตัวกันตั้งรัฐบาลได้เกินกึ่งหนึ่งของเสียงส.ส.ก็เป็นเรื่องยากที่จะตั้งรัฐบาลได้ เว้นแต่พรรคการเมืองจะจับมือกันได้เสียงเกิน 375 เสียง ในกรณีที่ฝ่ายไม่หนุนคสช.รวมพลังกันได้ตั้งแต่แรก ส.ว.ก็จะหมดโอกาสเป็นตัวแปรทางการเมือง

แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ส.ว.ทั้ง 250 คนจะเปลี่ยนสภาพเป็นพรรคทหารหนุนเนื่องเป็นนั่งร้านให้พรรคการเมืองที่สนับสนุน คสช.ครองอำนาจต่อให้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งโดยต้องหาเสียงส.ส.อีกไม่น้อยกว่า 126 คน ก็จะได้นายกฯจากบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองเรียบร้อยโรงเรียนคสช. แต่ถ้าเกิดปัญหาต้องเลือกนายกรอบสองจากนอกบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองจะต้องใช้เสียงทั้งสองสภารวมกัน 500 เสียงจึงจะนำไปสู่ขั้นตอนนายกฯคนนอกได้

ดังนั้นในทางการเมืองแม้คสช.จะมีส.ว.ในมือแล้ว 250 คน แต่หากต้องการเป็นรัฐบาลอย่างมั่นคงก็ต้องรวมเสียงส.ส.ในสภาให้ได้เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส.ทั้งหมดคือ 250 คนด้วยจึงจะปลอดภัยในทางอำนาจ

แต่ไม่ว่ากลเกมการเมืองจะออกมาในรูปแบบไหน ส.ว.ใหม่ภายใต้อำนาจเก่า ก็ยังคงเป็นตัวแปรใหญ่ทางการเมืองไทยอยู่ดี รอดูแค่ว่าจะเป็นแค่ตัวแปรหรือกลายสภาพเป็น “ตัวป่วน” ทางการเมืองหรือไม่

แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากเห็นส.ว.เปลี่ยนจาก “ตัวแปร” ไปเป็น “ตัวป่วน” อย่างแน่นอน