Properties

เปิด 3 ทำเลเด่น ‘บ้าน-คอนโด-ทาวน์เฮ้าส์’ ราคาพุ่ง!

Price Index
ดัชนีราคาอสังหาฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลาดอสังหาฯยังคงร้อนแรง การเปิดตัวโครงการใหม่ยังมีต่อเนื่อง แม้จะมีกระแสข่าวมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ของธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาเป็นตัวแปร แต่โดยภาพรวมตลาดก็ยังคงเติบโตต่อเนื่อง สิ่งหนึ่งที่พบมาตลอดคือการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮ้าส์ ต่างปรับราคาเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด แตกต่างกันไปตามทำเลว่าย่านไหน จะปรับราคาขึ้นมาก-น้อยกว่ากันตามปัจจัยหนุนของแต่ละทำเล แต่โดยภาพรวมแล้วราคาอสังหาฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDProperty.com) เว็บไซต์บริการด้านอสังหาฯ ในเครือ Property GURU Group สิงคโปร์ เผยผลสำรวจ “DDproperty Property Index Report” ระบุว่า อสังหาฯในเกือบทุกทำเลปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ชานเมืองรอบนอกศูนย์กลางธุรกิจ ตามแนวรถไฟฟ้าสายต่างๆ มีการปรับราคาสูงขึ้นมาก

กมลภัทร แสวงกิจ2
นางกมลภัทร แสวงกิจ

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย DDproperty.com กล่าวว่า บ้านเดี่ยว เป็นที่อยู่อาศัยอีกหนึ่งประเภท ที่มีดัชนีราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 12 เดือนอย่างน่าสนใจ เพราะเมื่อเทียบกับไตรมาสนี้เมื่อปีที่แล้ว ดัชนีราคาของที่อยู่อาศัยประเภทนี้เติบโตขึ้นถึง 12% นับเป็นอัตราการเติบโตสูงสุด เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียม และทาวน์เฮ้าส์

Price Index Location
ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยรายทำเล

ทั้งนี้หากดูแยกรายทำเลจะพบว่า บ้านเดี่ยวในพื้นที่ เขตบางพลัด ปรับราคาเพิ่มขึ้นถึง 34% เขตบางกอกน้อย 22% และเขตตลิ่งชัน 16%

นอกจากนี้เขต “บางพลัด” ยังมีโครงการบ้านเดี่ยวราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทเติบโตสูงถึง 18% เป็นผลจากการเปิดใช้ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ที่เชื่อมฝั่งธนบุรีและพระนคร

ส่วนคอนโดมิเนียม พื้นที่ใน เขตสัมพันธวงศ์ มีการปรับตัวสูงสุดในไตรมาสที่ผ่านมาถึง 12%  โดยได้รับอานิสงส์จากโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนสิงหาคม 2562 ทำเลที่ปรับราคาขึ้นรองลงมาคือ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพิ่มขึ้น 9% และเขตบางกะปิ ปรับขึ้น 3%

ส่วนทาวน์เฮ้าส์ ทำเล “เขตคลองเตย” มีการปรับตัวของราคาทาวน์เฮ้าส์มากที่สุด 16% เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในย่านสำคัญที่ปัจจุบันหาที่ดินสำหรับพัฒนาที่อยู่อาศัยในลักษณะนี้ได้ยากเต็มที หรือหากมีราคาก็จะสูงมากส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รองลงมาคือเขตสาทร 3% และบางคอแหลม 2%

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาฯ พบว่า ครึ่งปีหลังนี้ผู้ประกอบการ พยายามเร่งระบายสินค้าคงค้างของตัวเอง ผ่านแคมเปญและโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ ที่น่าสนใจมากมาย ไม่วาจะเป็นข้อเสนอส่วนลดเงินสด ค่าใช้จ่ายในการทำสัญญาจอง-ซื้อ-โอน รวมไปถึงของแถมต่างๆ ที่จะช่วยเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจ

Price Index Supply
ดัชนีซัพพลายอสังหาฯในตลาด

ในขณะที่จำนวนสินค้าใหม่ที่เข้าสู่ตลาดในช่วงเวลาเดียวกันมีไม่มาก ทั้งนี้ คอนโดมิเนียม ซึ่งมีสัดส่วนอุปทานมากที่สุดในตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยทำเลที่มีอุปทานคอนโดมิเนียมสูงสุดยังคงเป็น เขตวัฒนาคิดเป็น 23% ของคอนโดที่เปิดขายทั้งหมด

ขณะที่สินค้าแนวราบมีการปรับตัวไตรมาสต่อไตรมาสเพิ่มขึ้น แบ่งป็นทาวน์เฮาส์ 8% และบ้านเดี่ยว 4% โดยบอุปทานทาวน์เฮ้าส์ เขตลาดพร้าว ยังมีสัดส่วนมากที่สุด คิดเป็น 46% ของทาวน์เฮ้าส์ในกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจในการพัฒนาโครงการทาวน์เฮ้าส์ในพื้นที่ดังกล่าวมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

โดยสัดส่วนอุปทานทาวน์เฮ้าส์ราคา 5-10 ล้านบาท ในเขตลาดพร้าว มีสัดส่วนมากที่สุด สำหรับทำเลที่มีอุปทานบ้านเดี่ยวสูงสุดยังคงเป็นเขตประเวศ

หนุนมาตรการธปท.คุมสินเชื่อบ้านลดดีมานด์เทียม

ส่วนกรณีที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมออกมาประกาศมาตรการ ที่จะเข้ามาควบคุมสินเชื่อบ้าน นางกมลภัทร กล่าวว่า ในส่วนของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ซึ่งเรามีเปิดบริการในหลายประเทศ เห็นการกำกับดูแลภาคอสังหาฯหลายประเทศ เป็นผลดีมากกว่าผลเสีย ในไทยก็เช่นกัน มาตรการธปท.คาดว่าจะส่งผลต่อการช่วยลดดีมานด์เทียม หรือลดโอกาสในการเก็งกำไรได้มากขึ้น และช่วยให้ประชาชนได้ซื้อที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสม

นอกจากนี้ยังจะทำให้ผู้ซื้อไม่ประเมินความเสี่ยงต่ำเกินไป และลดผลกระทบจากการปรับลดลงของราคาอสังหาริมทรัพย์ได้มากขึ้น ทางฝั่งผู้ประกอบการก็สามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และลดโอกาสการเกิดภาวะฟองสบู่ไปได้ในเวลาเดียวกัน

“มาตรการคุมสินเชื่อบ้านที่ต้องวางดาวน์ 20% ถือว่ายังต่ำหากเทียบกับต่างประเทศ เช่น ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา สิงคโปร์ได้ออกมาตรการ ABSD คุมการเก็งกำไรอสังหาฯ กำหนดให้การซื้อบ้านในสิงคโปร์ ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น จากเดิม 7% เป็น 12-20% สำหรับคนสิงคโปร์และต่างชาติ ซึ่งบ้านเรายังไม่มีเรื่องเสียภาษีซื้อบ้าน” นางกมลภัทร กล่าว

อย่างไรก็ตาม นางกมลภัทร กล่าวว่า คงต้องรอดูมาตรการที่ธปท. จะประกาศออกมาว่าเป็นอย่างไร ซึ่งคาดว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้น่าจะมีความชัดเจน เพราะขณะนี้ตลาดกำลังสับสนว่า มาตรการคืออะไร และจะส่งผลอย่างไรกับคนซื้อบ้าน ซึ่งมีส่วนทำให้การขายโครงการใหมชะลอตัวลงไปพอสมควร

 

Avatar photo